Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดบวก 194.23 จุด รับแรงซื้อ หุ้นปลอดภัย-หุ้นเทคโนโลยี

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเกือบ 200 จุดในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลธ์แคร์ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นปัจจัยช่วยหนุนตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 30,677.36 จุด เพิ่มขึ้น 194.23 จุด หรือ 0.64%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,795.73 จุด เพิ่มขึ้น 35.84 จุด หรือ 0.95% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 11,232.19 จุด เพิ่มขึ้น 179.11 จุด หรือ +1.62%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกหลังจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นปลอดภัย โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 2.4% นำโดยหุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 3.24% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก ดีดขึ้น 1.28%

ดาวโจนส์

ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นปลอดภัย ดีดตัวขึ้น 2% โดยหุ้นโมเดอร์นา ทะยานขึ้น 5.28% หลังบริษัทเปิดเผยว่าวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนั้น สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการป้องกันการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐแล้วในขณะนี้

ทั้งนี้ โมเดอร์นาวางแผนที่จะยื่นขออนุมัติต่อหน่วยงานด้านกฎระเบียบของสหรัฐ เพื่อใช้วัคซีนดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า mRNA-1273.214 ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ (เดือนก.ย.-พ.ย.)

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นเช่นกัน แต่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวลง รวมถึงหุ้นกลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม

นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ว่า เฟดมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้ออย่างไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากขณะนี้เงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 3 เท่าจากเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างไรก็ดี นายพาวเวลยอมรับว่าการดำเนินการของเฟดมีความเสี่ยงที่จะทำให้อัตราว่างงานสูงขึ้นด้วย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 229,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิถุนายน แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 227,000 ราย

ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยลดลงจากระดับ 53.6 ในเดือนพฤษภาคม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo