Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดพุ่ง 614.46 จุด รับ ‘ผลประกอบการ’ สูงเกินคาด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (28 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” พุ่งกว่า 600 จุด ส่วน “แนสแด็ก” ทะยานขึ้นกว่า 3% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึง “เมตา แพลตส์ฟอร์มส์” และ “แมคโดนัลด์” ที่เข้ามาช่วยทำให้นักลงทุนมองข้ามปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงอย่างเหนือความคาดหมายในไตรมาสแรกปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,916.39 จุด เพิ่มขึ้น 614.46 จุด หรือ 1.85%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,287.50 จุด เพิ่มขึ้น 103.54 จุด หรือ 2.47% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 12,871.53 จุด เพิ่มขึ้น 382.59 จุด หรือ 3.06%

ดาวโจนส์

แซค ฮิล นักวิเคราะห์จากบริษัทพอร์ทโฟลิโอ สตราเทจี กล่าวว่า ตลาดขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนทั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดคือเมตา, ควอลคอมม์ และแมคโดนัลด์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ บ่งชี้ว่าปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัทอเมริกันยังคงแข็งแกร่ง

หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ หรือเฟซบุ๊ก ทะยานขึ้น 17.59% หลังบริษัทรายงานกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 อยู่ที่ 2.72 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.56 ดอลลาร์

ขณะที่ยอดผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายวันอยู่ที่ 1,960 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1,950 ล้านราย และรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน (ARPU) อยู่ที่ระดับ 9.54 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.50 ดอลลาร์

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเมตาเป็นปัจจัยหนุนหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยี และการสื่อสารด้วย

ขณะที่ หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 2.89% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 อยู่ที่ 2.28 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.17 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 5,670 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5,590 ล้านดอลลาร์

หุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 9.69% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 3.21 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของงบการเงิน 2565 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.91 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 11,160 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 10,600 ล้านดอลลาร์

ขณะนี้บริษัทจดทะเบียนจำนวน 237 แห่ง ในดัชนีเอสแอนด์พี 500  ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกแล้ว โดย 81% ในจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท

ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยบดบังปัจจัยล บจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2565 หดตัว 1.4% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 1.1% และเป็นการหดตัวครั้งแรก นับตั้งแต่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo