สมาคมนักวิเคราะห์ฯ เฟ้น 5 หุ้นเด่นปี 2565 ที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป พร้อมวางเป้า SET แตะ 1,760 จุด
สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เป็นองค์กรความร่วมมือของนักวิเคราะห์การลงทุนไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการดูแลและส่งเสริมการทำงานของนักวิเคราะห์ให้มีบทบาทวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งจะมีการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิก หรือ การทำ IAA Survey เป็นประจำทุกไตรมาส เกี่ยวกับมุมมองและทิศทางการลงทุนในอนาคต
สำหรับมุมมองการลงทุนในปี 2565 ทาง IAA เปิดเผยผลสำรวจความเห็นจากสมาชิกนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุนจากทั้งหมด 25 แห่ง โดยคาดการณ์ SET Index สิ้นปี 2565 จะปิดที่ระดับ 1,760 จุด ขณะที่ผลกำไรต่อหุ้น ( EPS ) ของบริษัทจดทะเบียนปี 2565 เฉลี่ยที่ 89.59 บาทต่อหุ้น เป็นการเติบโต 11.82% จากปี 2564
ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อทิศทางการลงทุนในปีนี้ คือ การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2565 คาดจะเติบโต 3.71% รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะดีขึ้นชัดเจน ส่วนปัจจัยด้านลบ จะมาจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED, การเตรียมลดมาตรการ QE ทั่วโลก และแนวโน้มสถานการณ์โควิดของโลกที่สูงขึ้นอีกครั้ง
เปิดรายชื่อ 5 หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำ
สำหรับทิศทางการลงทุนในหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุรในหมวดธุรกิจค้าปลีก, ธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร ขณะเดียวกันแนะนำให้ ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจการเกษตร, ปิโตรเคมี, การแพทย์ และการท่องเที่ยว
พร้อมทั้งเปิดเผยรายชื่อหุ้นเด่นประจำปี 2565 ที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป โดยมีด้วยกัน 5 หลักทรัพย์ (เรียงชื่อตามอักษรย่อ) ดังนี้ ADVANC, CPALL, EA, KBANK และ SCB
1. หุ้น ADVANC หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
มีแนวโน้มเติบโตตามกระแสความต้องการใช้เทคโนโลยี และได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ขณะที่ค่าใช้จ่ายลงทุนและการแข่งขันมีโอกาสลดลงหลังการควบรวมกิจการ DTAC-TRUE
2. หุ้น CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวกจากการที่ 7-Eleven กลับมาเปิด 24 ชั่วโมงได้มากกว่า 80-90% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ประกอบกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานซึ่งมีมาร์จินสูง
3. หุ้น EA หรือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
ได้รับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากอุตสาหกรรม Green Energy และ EV theme ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์แห่งโลกอนาคต
4. หุ้น KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
5. หุ้น SCB หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
มีโอกาสเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการปรับโครงสร้างธุรกิจทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ดี มีหุ้นที่ควรระวังนั่นคือกลุ่มธุรกิจโรงแรมและสายการบิน รวมถึงหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากบางบริษัทเคยวิ่งขึ้นกว่า 1,000% ในข่วงปี 2563-2564 ท้ายที่สุดนักวิเคราะห์แนะนำเพิ่มเติมให้ติดตามนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ ได้แก่ การเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ วางแผนโครงสร้างเทคโนโลยีการผลิตระยะยาว รวมถึงโครงข่ายสื่อสารและขนส่ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดโผ ‘5 หุ้นรับเหมา’ จ่อคว้างานรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ
- เจาะพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ของ ‘ OR ‘ สู่การเติบโตที่มากกว่าน้ำมัน!!
- GULF จับมือ Binance ตั้งกระดานเทรดคริปโตในไทย ดีลนี้ได้ประโยชน์อะไรบ้าง?