GULF จับมือ Binance ตั้งกระดานเทรดคริปโตในไทย ดีลนี้จะสร้างประโยชน์อะไรบ้างให้กับ GULF ในอนาคต ทั้งแง่ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยเชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะยาว
จากกรณีที่ GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศข่าวใหญ่สะเทือนวงการตลาดทุน โดยลงนามร่วมกับ Binance แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อทำการศึกษาและพัฒนาธุรกิจศูนย์บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ในประเทศไทย
โดย GULF ให้เหตุผลถึงการลงทุนในครั้งนี้ว่าเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย จากการที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ และจะมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชนมากขึ้น
ความร่วมมือกับ Binance ดังกล่าว จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนของประเทศ จากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ติจิทัลมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว
แน่นอนว่าดีลนี้ถือว่าเป็นก้าวแรกของ GULF ในการกระโดดเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่ง GULF ถือเป็นบริษัทด้านพลังงานที่มีเครือข่ายธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ADVANC ที่เป็นผู้นำในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และ SCB ผู้นำในธุรกิจการเงินที่ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้วยกัน
GULF ดีลนี้จะสร้างประโยชน์อะไรบ้าง
คำถาม คือ ดีลนี้จะสร้างประโยชน์อะไรบ้างให้กับ GULF ในอนาคต ทั้งแง่ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยเชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะยาว
1. โอกาสเติบโตตามมูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย
ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยเป็นอย่างมากในช่วง 1-2 ปีมานี้ แต่อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดในไทยถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ทำให้ยังมี Upside ในการเติบโตอีกมากทีเดียว ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อกระดานเทรดที่ GULF มีแผนจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องการแข่งขันนั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติของการดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันผู้นำตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยตอนนี้คือ BITKUB ซึ่งการเข้ามาของ Binance และ GULF คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะสามารถสร้างแรงกดดันต่อเจ้าตลาดได้มากน้อยแค่ไหน
2. การผสานเครือข่ายธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเข้าด้วยกัน
หลายคนน่าจะสังเกตเห็นว่าวิธีการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ของ GULF จะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยตัว GULF เองก็เป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอยู่แล้ว ซึ่งได้มีการขยายเครือข่ายไปสู่ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมในดีลของ ADVANC รวมถึงจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ชื่อว่า AISCB กับ SCB เพื่อให้บริการด้านการเงินดิจิทัลโดยเฉพาะ ซึ่งดีลต่างๆ ที่เกิดขึ้น สามารถนำมาผสานเครือข่ายเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์ถึงดีงระหว่าง GULF กับ Binance ว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกในระยะยาวที่จะช่วยต่อยอดฐานกำไรในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ GULF ได้ในอนาคต และน่าจะเป็น Sentiment ที่ดีต่อราคาหุ้น เช่นเดียวกับหุ้นอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจคริปโตในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การรุกเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยังอยู่ในช่วงเริ่มเท่านั้น และยังไม่ได้มีการลงทุนใดๆ ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลอีกสักระยะ ทำให้ยังไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มต่อบริษัทในปัจจุบัน
ขณะที่ บล.เคทีบีเอสที เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อโอกาสในการลงทุนของ GULF แต่ด้วยข้อมูลที่จำกัด ประกอบกับราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ยังไม่สามารถประเมินการเติบโตได้ และต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมจากดีลดังกล่าวอีกครั้ง
ถือว่าอีกหนึ่งดีลใหญ่ต้อนรับปี 2565 มุมมองส่วนตัวแล้วคิดว่าการรุกเข้าสู่ธุรกิจคริปโตของ GULF ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นศึกษา โดยมีอีกหลายประเด็นที่ต้องลุ้นกัน ดังนั้น คงต้องใช้เวลากว่าที่ธุรกิจดังกล่าวจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘GULF-Binance’ จับมือพัฒนา-ตั้ง ‘กระดานเทรดคริปโต’ ในไทย
- กัลฟ์ ตั้ง ‘GULF1’ ขับเคลื่อนธุรกิจโซลาร์ ตอบโจทย์พลังงานสะอาด
- ‘GULF’เซ็นสัญญาพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซฯ – คลังLNG ในเวียดนาม
