ดัชนีดาวโจนส์ ปิดซื้อขายในแดนบวก เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด หลัง “เจอโรม พาวเวล” ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากเดิม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,252.02 จุด เพิ่มขึ้น 183.15 จุด หรือ 0.51%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,713.07 จุด เพิ่มขึ้น 42.78 จุด หรือ 0.92% และดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 15,153.45 จุด พุ่งขึ้น 210.62 จุด หรือ 1.41%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) ว่า ห่วงโซ่อุปทาน ที่กลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่เฟดก็ไม่กลัวที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้ หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลเชื่อมั่นว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดในปีนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐก็แข็งแกร่งพอ ที่จะทำให้เฟดไม่ต้องใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่อีกต่อไป
นอกจากนี้ นายพาวเวลคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนไปได้ และเชื่อว่าผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
นายไบรเอน ลันดิน นักวิเคราะห์จากโกลเดน นิวส์เลตเตอร์ กล่าวว่า ถ้อยแถลงล่าสุดของนายพาวเวล สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในลักษณะ “ซอฟต์แลนดิ้ง” มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัว
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เฟดจะไม่เร่งใช้นโยบายคุมเข้มที่รุนแรงเกินไป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.41% หลังจากราคาน้ำมันเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท พุ่งขึ้นทะลุระดับ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 5.38% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.24% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.23% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 3.15%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 1.21% โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) พุ่งขึ้น 1.92% หุ้นเอนวิเดียพุ่งขึ้น 1.52% หุ้นอินเทล บวก 1.27% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.77% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.68%
หุ้นไฟเซอร์ ดีดตัวขึ้น 0.8% หลังจากนายอัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของบริษัทไฟเซอร์ออกมาบอกว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เจาะจงสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะนั้น จะเปิดตัวในเดือนมีนาคมนี้ และบริษัทได้เริ่มผลิตวัคซีนตัวนี้แล้ว
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันนี้ (12 ม.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีซีพีไอจะพุ่งขึ้น 7.1% ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.8% ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานนั้น คาดว่าจะพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธันวาคม จากระดับ 4.9% ในเดือนพฤศจิกายน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เงินเฟ้อสูง ราคาของแพงขึ้น หุ้นแบบไหนน่าลงทุน?
- มุมมองการลงทุน วิเคราะห์ ‘หุ้นเด่น ปี 2565’
- ‘เฟด’ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งปี 65 หยุดทำ ‘คิวอี’ เดือนมี.ค.
