บล.ไทยพาณิชย์ เปิด 5 คำทำนายเศรษฐกิจปีเสือคำราม ฟันธง SET Index ปี 65 กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1550-1750 จุด พร้อมแนะ 10 หุ้นเด่นเติบโตดีรับอานิสงส์เทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่
บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน มีความเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 1/65 โดยหากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ภายในไตรมาสที่ 1/65 จะมีความเสี่ยงต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และผลการดำเนินงาน บจ.ปี 2565 ที่ได้คาดการณ์ไว้ล่าสุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้โลกจะเกิดวิกฤติโควิด-19 แต่ความผันผวนของตลาดหุ้นกลับลดลง ดังจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึง ตลาดหุ้นไทยที่ SET Index ฟื้นตัวกลับไประดับก่อนเกิดวิกฤติโควิดแล้ว ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงถือว่ารุนแรง
ทั้งนี้ เป็นเพราะรัฐบาลทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างรุนแรง และรวดเร็วเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ อัตราเงินเฟ้อสูงมาก จึงทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเสี่ยงนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น
สำหรับ ปี 2565 ประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนเกิดวิกฤติโควิด ซึ่งหมายถึง อัตราการเติบโตของจีดีพี ในระดับที่มีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวขึ้น การเพิ่มภาษีขึ้นบ้าง เพื่อสร้างสมดุลให้กับฐานะการเงินของรัฐบาล และสุดท้าย คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นจะลดลงจากปี 2564
อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) จะชะลอตัว โดยไอเอ็มเอฟ ประเมินว่า จีดีพีจะเติบโต 4.5% ในขณะที่คาดว่า อัตราการขยายตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังปี 2565
ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่า จีดีพี จะเติบโต 5.1% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเปิดประเทศได้มากขึ้น หลังจากประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และบริการฟื้นตัวขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยชดเชยกับการลดลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-2564 ได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ถือเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทย “มองบวกอย่างระมัดระวัง” ปี 2565 คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากที่หดตัวลง 6.1% ในปี 2563 และเติบโต 1.0% ในปี 2564 โดยคาดว่าการส่งออกปี 2565 จะเติบโต 2% จีดีพี จะเติบโต 3.6-4.0% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน
ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% YoY ในปี 2565 แรงหนุนจากจีดีพีที่เติบโต 3-4% โดย SCBS ประเมินผลตอบแทนของ SET Index ได้ที่ 5% ภายในสิ้นปี 2565 และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล โดยระดับ SET Index จะอิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1660 จุด และ คาดว่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1550-1750 จุด
ในกรณีเลวร้าย หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ะบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงเหลือ 2.6% (กรณีเลวร้ายที่สุด) ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตใกล้ 0%
5 คำนายหลัก บล.ไทยพาณิชย์
- กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกปี 2565 จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น
- เงินเฟ้อโลกจะลดลงในครึ่งหลังปี 2565
- นโยบายการเงินโลกจะตึงตัวขึ้นเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้น จีน ที่ยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสร้างสมดุลเศรษฐกิจ
- สงครามเย็นระหว่างสหรัฐ กับจีน จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
- ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา 5 ปัจจัย ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความเสี่ยง Global Stagflation ความผันผวนด้านภูมิอากาศโลก และ การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่อาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโอไมครอน มีโอกาสกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ให้ลดลงจากระดับที่ไอเอ็มเอฟ เคยคาดการณ์ไว้สำหรับปี 2565 ที่ 4.9% เหลือเพียง 3.6% หากไม่สามารถควบคุมการระบาด ได้ภายในไตรมาสที่ 1/65
ส่วนเศรษฐกิจไทยนั้น อัตราการเติบโตของจีดีพีปี 2565 มีความเสี่ยงลดลงจากประมาณการณ์ล่าสุดที่ 3.6% เหลือ 2.5% หากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป รวมถึงรัฐบาลกลับมาคุมเข้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นเติบโตที่ราคาสมเหตุสมผล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- หุ้นที่คาดว่า ผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF และ
- หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG
สรุปประเด็นการลงทุนของหุ้นรายตัว
- KBANK หนึ่งในผู้นำด้าน Digital banking คาดกำไรสุทธิปี 2565 มี upside จาก credit cost ที่มีโอกาสลดลง
- AMATA คาดว่ายอดการโอนที่ดินจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จากลูกค้าหลักในกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และ โลจิสติกส์
- ZEN ได้รับประโยชน์จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2565
- LH ปี 2565 คาดได้รับแรงหนุนจากการผ่อนปรน LTV บ้านหลังที่ 2 และ 3 เต็มที่ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อม ของการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 50%
- GULF กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12.4% ต่อปีในช่วง 7 ปีข้างหน้า ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน INTUCH ช่วยสร้างความมั่นคงของกำไรสุทธิ
- DELTA ได้รับประโยชน์จากฐานลูกค้าในกลุ่ม EV car, พลังงานสะอาด และ โทรคมนาคม
- ADVANC มีโอกาสจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสำหรับปี 2565 เนื่องจากงบลงทุนลดลง รวมถึงได้รับประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจ Metaverse
- ONEE ประเมินธุรกิจโฆษณาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในปี 2565
- SECURE ได้รับประโยชน์จากโลกในยุคดิจิทัลที่ทำให้ความปลอดภัยในเรื่องของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น
- XPG ผลประกอบการปี 2565 Turnaround หลังเข้าสู่ธุรกิจ Digital Asset
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บล.ไทยพาณิชย์’ เปิดกลยุทธ์ลงทุนรับฤดูเปลี่ยนแปลง ชู 5 หุ้นเด่นน่าซื้อ!
- จับตาเกณฑ์ใหม่คัดหุ้นเข้า SET50 – SET100 หุ้นแบบไหนต้องระวัง!
- ‘บล.ไทยพาณิชย์’ หั่นเป้าหุ้นไทยปีนี้เหลือ 1,700-1,750 จุด