ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดาวโจนส์ ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,661.49 จุด ปรับขึ้น 42.24 จุด หรือ 0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,672.41 จุด ลดลง 10.53 จุด หรือ 0.22% และดัชนีแนสแด็กที่ 15,704.90 จุด ร่วงลง 149.86 จุด หรือ 0.95%
หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นมากกว่า 2% ในวันนี้ โดยเป็นกลุ่มที่ดีดตัวขึ้นมากที่สุดในตลาด ขานรับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งล่าสุด ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนมกราคม ในตลาดไนเม็กซ์ พุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.23% มาอยู่ที่ 78.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังดิ่งลงกว่า 1% ในช่วงแรก จากการที่สหรัฐ และประเทศพันธมิตร ประกาศระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรอง เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาในตลาด
นักวิเคราะห์คาดว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนธันวาคม หลังจากที่สหรัฐ และพันธมิตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศในวันนี้ว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด ขณะที่รัฐบาลอินเดียประกาศระบายน้ำมันดิบจำนวน 5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบร่วมกับสหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้ SPR มีน้ำมันดิบรวม 604.5 ล้านบาร์เรล และน้ำมันดิบที่ถูกระบายออกมา จะเข้าสู่ตลาดภายในเวลา 13 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีมีคำสั่งดังกล่าว
ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรอาจระบายน้ำมันรวม 100-120 ล้านบาร์เรลออกสู่ตลาด โดยสหรัฐจะระบายน้ำมัน 45-60 ล้านบาร์เรล, จีน 30 ล้านบาร์เรล, อินเดีย 5 ล้านบาร์เรล, ญี่ปุ่น 10 ล้านบาร์เรล และเกาหลีใต้ 10 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี คาดว่า มาตรการระบายน้ำมันจากคลังสำรองจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดเพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น
ทั้งนี้ สหรัฐพยายามโน้มน้าวให้ประเทศต่าง ๆ ทำการระบายน้ำมันจากคลังสำรอง หลังจากที่โอเปกพลัส ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐ ที่ต้องการให้เพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวัน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจำนวนมากในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) รวมทั้งรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 2-3 พฤศจิกายน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รู้จักหุ้นกลุ่ม ‘Anti-Oil’ ได้ประโยชน์ เมื่อราคาน้ำมันลดลง!!
- ดัชนีเชื่อมั่นทองคำปรับขึ้น 1.82 จุด หลังราคาน้ำมันพุ่ง-บาทอ่อนหนุน
- สุพัฒนพงษ์’ ปล่อย ‘รถบรรทุก’ ขึ้นค่าขนส่ง ลั่น รัฐตรึงราคาน้ำมันถึงที่สุดแล้ว