ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดาวโจนส์ ดิ่งลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และปัญหาเรื่องซัพพลาย เชน ที่ยังเกาะติดตลาดอยู่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,961.00 จุด ร่วงลง 429.72 จุด หรือ 1.25% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,325.03 จุด ปรับลงมา 34.43 จุด หรือ 0.79% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,479.28 จุด ลดลง 33.16 จุด หรือ 0.23%
นักวิเคราะห์ระบุว่า หลังจากปรับตัวขึ้น 7 เดือนติดต่อกัน ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกำลังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการปรับฐานจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
ความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ, การที่สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 6.7% ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 6.5% และตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 6.6% หลังจากที่ขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 1
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวในไตรมาส 3 โดยจะมีการขยายตัวต่ำกว่า 5% ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อยอดขายรถยนต์ รวมทั้งตัวเลขการสร้างบ้านและการซื้อบ้าน
ทางด้านนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า สมาชิกวุฒิสภาได้บรรลุข้อตกลงสำหรับร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน
นายชูเมอร์แถลง ก่อนที่วุฒิสภาจะทำการลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้
“เราสามารถอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ถึงโต๊ะท่านประธานาธิบดีก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณในช่วงเที่ยงคืนวันนี้” นายชูเมอร์กล่าว
อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่รวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะมีการหารือกันหลังจากนี้
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลและนางเยลเลนได้กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร โดยระบุเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และสหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 335,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการจ้างงานได้ชะลอตัวลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 2.802 ล้านราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โกลเบล็ก คาดหุ้นสัปดาห์นี้แกว่ง Sideway Up กรอบ 1,600-1,660 จุด
- เจาะดีล ‘TU’ ถือหุ้น ‘RBF’ ลุยตลาดอาหารโลก
- ‘พาวเวล’ ระบุ ‘โควิด’ ชี้ชะตาเศรษฐกิจสหรัฐ ย้ำ ‘นโยบายคลัง’ เครื่องมือช่วยฟื้นตัว