ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (18 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลดลง ก่อนหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ จะเปิดเผยรายงานการประชุม หรือ เฟดมินนิท ครั้งล่าสุด ที่มีแนวโน้มว่า จะแสดงให้เห็นถึงแผนการสนับสนุนด้านนโยบายการเงินในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,251.66 จุด ร่วงลง 91.62 จุด หรือ 0.26% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,439.11 จุด ลดลง 8.97 จุด หรือ 0.20% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,664.42 จุด บวก 8.24 จุด หรือ 0.06%
ราคาหุ้นของบริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาด
นักลงทุนมีความวิตกว่า เฟดอาจทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และจะเริ่มทำการปรับลด QE ในเดือนตุลาคม
ตลาดจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนกรกฎาคมในวันนี้ ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคม โดยคาดว่ารายงานของเฟดในวันนี้ และการประชุมประจำปีของเฟดในปลายเดือนนี้ จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงิน QE และเริ่มทำการปรับลด QE ในเดือนตุลาคม
ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลด QE ดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลด QE ได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงิน QE ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
“ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด” นายแคลริดากล่าว
“หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้” เขากล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วิกฤติยังไม่จบ ตลาดหุ้นแกว่งตัว ลงทุนยังไงดี?
- บิตคอยน์วิ่งแตะ 45,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ขาขึ้นคริปโทฯรอบใหม่
- เอสเอ็มอีแบงก์ ขยายเวลายื่นพักหนี้ 2 เดือนถึงสิ้นส.ค.นี้