ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงต่อเนื่อง หลังตัวเลขเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่า เฟดจะตัดสินใจ กระชับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ ที่เงินเฟ้อจะอยู่ระดับสูงเป็นเวลานาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,804.31 จุด ร่วงลง 464.85 จุด หรือ 1.36% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,083.28 จุด ลดลง 68.82 จุด หรือ 1.66% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,071.13 จุด ดิ่งลงถึง 318.29 จุด หรือ 2.38%
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันนี้ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดนเทขายอย่างหนัก สวนทางกับหุ้นกลุ่มธนาคา รและพลังงาน พุ่งขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมีนาคม
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนก่อนหน้านั้น
หากไม่นับรวมหมวดอาหาร และพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.3%
นักวิเคราะห์ระบุว่า การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI ประจำเดือนเมษายน เมื่อเทียบรายเดือน มีสาเหตุจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน ส่วนการพุ่งขึ้นของดัชนี CPI เมื่อเทียบรายปี มีสาเหตุจากการเปรียบเทียบกับตัวเลขฐาน ที่ต่ำผิดปกติในเดือนเมษายน 2563
ในขณะนั้นราคาสินค้าได้ทรุดตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจากการประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และคาดว่าตัวเลขดัชนี CPI เมื่อเทียบรายปี จะถูกบิดเบือนจากความเป็นจริงต่อไปอีกหลายเดือน เนื่องจากมีการเปรียบเทียบกับราคาสินค้าที่ต่ำผิดปกติในปี 2563
ตลาดกังวลว่า ตัวเลข CPI ที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จะทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
ก่อนหน้านี้ เฟดเคยส่งสัญญาณลดวงเงิน QE ในปี 2556 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนักในปีดังกล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- มาแล้วตัวเลขป่วนหุ้นทั่วโลก! เงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง 0.8% มากกว่าคาดการณ์
- ‘IRPC’ กำไรไตรมาสแรก ปี 64 พุ่ง 5,581 ล้านบาท รับความต้องการตลาดโลกเพิ่ม
- ก.ล.ต.เตือนนักลงทุนระวัง ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลกับ BitX