เช็กชื่อหุ้น Buy on Fact วิ่งแรง หลังประกาศงบการเงินประจำปี 2566 และไตรมาส 4 ปี 2566 คาดจะมีแรงซื้อ Buy on Fact กับบริษัทที่ผลประกอบการออกมาน่าสนใจ
Buy on Fact เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่การซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ผลประกอบการดี และราคายังไม่แพงจนเกินไป โดยใช้หลักการที่ว่าเมื่อมีข่าวดีหรือปัจจัยบวกเกิดขึ้นกับบริษัท จากนั้นราคาหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นตาม
ทั้งนี้ นักลงทุนจะวิเคราะห์หาหุ้นประเภทนี้ จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น งบการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ กลยุทธ์ของบริษัท เพื่อค้นหาบริษัทที่มีศักยภาพ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังการประกาศผลประกอบการ ทำให้มีการมุ่งเป้าไปที่บริษัทที่มีผลประกอบการดี เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิสูง
ตัวอย่างของหุ้นที่มักจะเกิดเหตุการณ์ Buy on Fact ได้แก่ ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เป็นบริษัทที่มีหนี้สินต่ำ แสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน มีกระแสเงินสดดี แสดงถึงสภาพคล่องที่ดี
เป็นหุ้นที่มี P/E Ratio ต่ำ มูลค่าของหุ้นยังถูก
วิ่งแรง หลังประกาศงบการเงินประจำปี
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเมินว่าหลังประกาศงบการเงินประจำปี 2566 และไตรมาส 4 ปี 2566 คาดว่าจะมีแรงซื้อ Buy on Fact กับบริษัทที่ผลประกอบการออกมาน่าสนใจ และเชื่อว่าจะเห็นแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1. หุ้น MTC หรือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
ธุรกิจ: ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถและสินเชื่อส่วนบุคคล
ปัจจัยหนุน: MTC รายงานกำไรออกมาขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY โดยเห็นสัญญาณบวกจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น เนื่องจากสัดส่วน NPLและ Credit Cost ที่ลดลง และเชื่อว่าจะสร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อกลุ่มได้อีกด้วย
2. หุ้น CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
ธุรกิจ: ดำเนินธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นแกนหลัก
ปัจจัยหนุน: CKP มีกำไรที่ขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY จากปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ดีและปี 2567 ผลกระทบของ ElNino ลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อผลประกอบการให้กลับมาเติบโตประมาณ 25% จากปีก่อน
3. หุ้น SCB หรือ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)
ธุรกิจ: ดำเนินธุรกิจในลักษณะบริษัทลงทุน (Holding Company) ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินต่างๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ สินเชื่อ เป็นต้น
ปัจจัยหนุน: ประกาศจ่ายปันผลคิดเป็นอัตราสูงถึง 7.5% และแนวโน้มธุรกิจยังมีการเติบโตต่อ ด้วยแรงกระตุ้นจากการเร่งลงทุนของภาครัฐที่ส่งผลบวกต่อการบริโภค
4. หุ้น TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
ธุรกิจ: ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับชั้นนำแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ปัจจัยหนุน: อัตรา Dividend Yield กว่า 4.6% พร้อมยังได้ประโยชน์จากธุรกิจโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ที่ฟื้นตัว ประกอบกับความเสี่ยงที่เกิด Stock Loss ในช่วงไตรมาส 1/67 อาจไม่เกิดขึ้น
5. หุ้น PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ธุรกิจ: ประกอบกิจการพลังงานแบบครบวงจร ได้แก่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจที่ลงทุนผ่านบริษัทย่อย
ปัจจัยหนุน: จ่าย Dividend Yield ที่ 3.3% ส่วนกำไรจากธุรกิจโรงแยกก๊าซดีขึ้น และกำไรบริษัทลูกเข้ามาสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่ยืนในระดับสูง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- CKPower ปักธงรุกผลิตไฟฟ้า จากพลังงานสะอาด ปี 2566 กวาดรายได้ 10,941 ล้าน
- ปตท. เผยกำไรปี 66 พุ่ง 1.1 แสนล้านบาท เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง เสริมความมั่นคงประเทศ
- ‘GULF’ เปิดกำไรสุทธิปี 66 พุ่ง 30% ที่ 1.48 หมื่นล้าน เดินหน้าขยายลงทุน
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg