Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดลบ 64.19 จุด ไร้ปัจจัยใหม่หนุนขาขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดลบในวันอังคาร (20 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงเกือบ 1% โดยถูกกดดันจากหุ้นเอ็นวิเดียที่ดิ่งลงอย่างหนัก ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของหุ้นวอลมาร์ทช่วยให้ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,563.80 จุด ลดลง 64.19 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,975.51 จุด ลดลง 30.06 จุด หรือ -0.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,630.78 จุด ลดลง 144.87 จุด หรือ -0.92%

ดาวโจนส์

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.27% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น 1.13%

ราคาหุ้นเอ็นวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.35% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ขณะที่ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ร่วงลง 1.56%

นักลงทุนกังวลว่าผลประกอบการรายไตรมาสของเอ็นวิเดียซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังตลาดปิดทำการในวันนี้ (21 ก.พ.) จะยังทำให้บริษัทยังสามารถรั้งสถานะของการเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงต่อไปได้หรือไม่ โดยปัจจุบัน อัตราส่วน Forward P/E ของเอ็นวิเดียอยู่ที่ระดับ 32 เท่า และเป็นแรงขับเคลื่อนหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของอุปสงค์ชิป AI เป็นปัจจัยผลักดันให้เอ็นวิเดียแซงหน้าอัลฟาเบทขึ้นเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูงเป็นอันดับ 3 ของตลาดวอลล์สตรีทรองจากไมโครซอฟท์ และแอปเปิ้ล และล่าสุดหุ้นเอ็นวิเดียยังแซงหน้าหุ้นเทสลา ขึ้นเป็นหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในตลาดสหรัฐ

นักลงทุนยังระมัดระวังตัว ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 30-31 มกราคมที่ผ่านมา ในวันนี้ ทั้งยังรอดูท่าทีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดแถลงรอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 6 มีนาคม ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 7 มีนาคม

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล ซึ่งจะมีขึ้นก่อนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 19-20 มีนาคม เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

การเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด ทำให้นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์การลดดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้เป็นเดือนมิถุนายน จากเดิมที่เคยคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม แต่ก็เลื่อนมาเป็นเดือนพฤษภาคม ก่อนที่ล่าสุดคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% เพียง 3 ครั้งในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

 

Avatar photo