Stock

‘PTG’ เพิ่มพอร์ต Non-Oil สู่ธุรกิจบริหารจัดการขยะ

“PTG” เพิ่มพอร์ต Non-Oil สู่ธุรกิจบริหารจัดการขยะ เป็นโอกาสต่อยอดครั้งสำคัญ

ถือเป็นการขยับขยายธุรกิจอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญเลยสำหรับหุ้น PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กับการทุ่มเงินลงทุนจำนวน 400 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ  บริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด  ในสัดส่วนสูงสุดไม่เกิน 33.33%

โดยจะแบ่งการลงทุนเป็นการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 10% คิดเป็นมูลค่าลงทุน 103 ล้านบาท และจะมีสิทธิเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกในสัดส่วนสูงสุดไม่เกิน 33.33% ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของไทยไพบูลย์

เพิ่มพอร์ต สู่ธุรกิจบริหารจัดการขยะ

ทั้งนี้ “ไทยไพบูลย์” เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านบริหารจัดการขยะมูลฝอยจากชุมชน ขยะฝังกลบครบวงจร และผลิตเชื้อเพลิงขยะ โดยครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ ผลิตติดตั้งระบบคัดแยกขยะ การบริหารจัดการบ่อขยะ การผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิง รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักร

เพิ่มพอร์ต

ปัจจุบัน ไทยไพบูลย์มีรายได้ต่อปีราว 800 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านบาท สำหรับรายได้หลักของบริษัทมาจากการขายเชื้อเพลิงขยะและการบริการจัดการขยะ

การลงทุนของ PTG จะเข้ามาช่วยขยายในกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ให้แข็งแกร่งและเติบโตยิ่งขึ้นในอนาคต จากปัจจุบันที่บริษัทมีธุรกิจ Non ที่เป็นการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแกนหลัก แต่ต่อจากนี้ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนน่าจะเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่จะเข้ามามีบทบาทต่อการเติบโตของบริษัทมากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านนี้ปี 2565 PTG เคยได้เข้าสู่ธุรกิจบริหารจัดการขยะมาแล้ว ด้วยการเป็นคู่สัญญากับเทศบางเมืองบ้านพรุ หาดใหญ่ สงขลา สำหรับก่อสร้างและบริหารจัดการกำจัดขยะมูลฝอย เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชน และมีสัญญาซื้อขายไฟกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 4.5 MW

เพิ่มพอร์ต Non-Oil เสริมแกร่ง

มุมมองนักวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่ามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อการเข้าซื้อครั้งนี้ ของ PTG เนื่องจาก 2 ปัจจัยสนับสนุน

1.  เป็นการต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้โดยมีข้อจำกัดเรื่อง RDF (เชื้อเพลิงขยะมูลฝอย) ลดลง

2.  มี synergy ที่อาจเกิดขึ้น เพราะการขนส่งเชื้อเพลิงคือต้นทุนหลักของธุรกิจบริหารจัดการขยะ

เมื่อประเมินราคาการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ คิดเป็น EV/EBITDA ที่ประมาณ 17 เท่า ใกล้เคียงกับหุ้นบริหารจัดการขยะในตลาด ซึ่งเคยซื้อขายที่ประมาณ 16 เท่า แต่บริษัทไทยไพบูลย์ มีผลประกอบการที่เป็นบวกและเติบโตโดดเด่นกว่า โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 50% ในช่วงปี 2561-2565

นอกจากนี้ มองว่าหากไทยไพบูลย์ฯ ปรับโครงสร้างบริษัทแล้วเสร็จ ราคาเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะคิดเป็น EV/EBITDA ที่ 8-9 เท่า ดังนั้น จึงมีมุมมองเป็นบวก คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTG ราคาเป้าหมายที่ระดับ 10.20 บาทต่อหุ้น

ปัจจุบัน PTG ประกอบด้วย 8 กลุ่มธุรกิจ  

1. กลุ่มธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และธุรกิจค้าปลีก

2. กลุ่มธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG

3. กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนและการลงทุน

4. กลุ่มธุรกิจขนส่ง

เพิ่มพอร์ต

5. กลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการระบบ

6. กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

7 .กลุ่มธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์

8. กลุ่มธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money)

ผลประกอบการย้อนหลังของ PTG

ปี 2563 รายได้รวม 104,666.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,894.04 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้รวม 133,908.31 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,006.37 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้รวม 179,613.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 934.08 ล้านบาท

ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น PTG ล่าสุด (วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566) ราคาหุ้นซื้อขายที่ 9.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็น PE ที่ 37.97 เท่า ด้วยมูลค่า Market Cap. กว่า 15,364 ล้านบาท

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน