ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (21 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับมุมมองบวกที่ว่า จีดีพีสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย และเริ่มลดดอกเบี้ยในปีหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 37,404.35 จุด เพิ่มขึ้น 322.35 จุด หรือ +0.87% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,746.75 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 14,963.87 จุด เพิ่มขึ้น 185.92 จุด หรือ +1.26%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/2566 ขยายตัว 4.9% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.1% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 อยู่ที่ระดับ 4.9% และ 5.2% ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐไม่ได้ปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขจีดีพี แต่เป็นการปรับลดลงจากที่ประมาณการไว้ในครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการขึ้นดอกเบี้ย และเริ่มลดดอกเบี้ย
ล่าสุดFedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม 2567 และจะลดดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปีหน้า โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
ทั้งนี้ ตลาดฟื้นตัวขึ้นหลังจากถูกเทขายอย่างหนัก เมื่อวันพุธ (20 ธ.ค.) โดยเชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันและจากการทำ Put Options เพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนจะเริ่มเข้ามาช้อนซื้อหุ้น และตลาดสหรัฐจะปิดฉากปี 2566 อย่างแข็งแกร่ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นปรับหลักเกณฑ์ออก Baht Bond
- จับตา! ‘บิตคอยน์’ จ่อทะลุ 1 แสนดอลล์ปี 67 อานิสงส์เฟดลดดอกเบี้ย-สหรัฐไฟเขียวขาย ETF
- ‘มูดี้ส์’ ลดความน่าเชื่อถือสหรัฐ สู่ ‘เชิงลบ’ ยังตรึงเครดิตที่ Aaa