“บล.เอเซีย พลัส” คัด 6 หุ้นเด่นเดือนพฤษภาคม 2567 ชี้พื้นฐานดี กำไรฟื้น นโยบายภาครัฐช่วยหนุน Upside เปิดกว้าง เป้าหมายที่ 1,580 จุด
บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพเศรษฐกิจในช่วงเดือนพฤษภาคม ตลาดหุ้นไทยตอบกลับความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์จน Upside เปิดกว้าง เป้าหมายที่ 1,580 จุด ประกอบกับนโยบายการคลังที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 บวกกำไรบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นขั้นบันได
โดยที่ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยเดือนพฤษภาคม มีโอกาสผ่านพ้นจุดต่ำสุด และเริ่มเห็นหลายปัจจัยช่วยพยุงเศรษฐกิจ อาทิ นโยบายการคลังที่เข้มข้นผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ภายในช่วงเวลาเพียง 5-6 เดือน ด้วยมูลค่า 3.48 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 9.3% รวมถึงมาตรการกระตุ้นต่าง ๆ ของภาครัฐ ทั้งการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท, ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในระยะถัดไป
แม้ว่าทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐอาจจะคงไว้ 5.5% ยาวนานขึ้น หลังเงินเฟ้อสูงกว่าคาดจากประเด็นสงครามตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ แต่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงน่าจะเริ่มเห็นได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของตลาดหุ้นไทย คอยหนุนปริมาณการซื้อขายจะค่อย ๆ กลับมา หลังทางการออกมาตรการควบคุม Short Sell คาดเริ่มมีผลบังคับใช้ช่วงปลายไตรมาส 2/2567 ช่วยหนุน Turnover ของ SET มีโอกาสกลับมาสูงกว่า 70% ต่อปี
ส่วนประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามการรายงาน GDP ไทย งวด 1Q67 ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.6% QoQ หลบความเสี่ยง Technical Recession ได้ และมีโอกาสฟื้นขึ้นเป็นขั้นบันใด ส่วนทางเศรษฐกิจโลกที่ทยอยย่อตัวลง อีกทั้งต้องติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบาย (กนง.) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเป็นทิศทางอย่างไร ก่อนการประชุมช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2567
ในมุมตลาดหุ้นไทยมีความน่าลงทุนมากขึ้น คือ
1. มุมกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 1/2567 ที่มีโอกาสเติบโต QoQ เด่น จากฐานกำไรงวดไตรมาส 4/2566 ที่ต่ำกว่าปกติ พร้อมกับมีกำไรจากอัตรา แลกเปลี่ยนหนุนหลังค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงกว่า 7% ในช่วงไตรมาส 1/2567 ซึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่ามีสัดส่วน Market Cap กว่า 40% รวมถึงราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้นแรงเกิน 15% ytd หนุนให้เกิด Stock Gain ในหุ้น Commodity ที่มีสัดส่วน หลักในตลาด
2. มุม Valuation SET จะเห็นแนวรับสำคัญทางพื้นฐานที่บริเวณ 1,350 จุด โดย SET ที่ระดับ 1,350 จุด มี PER67F ที่ 14.7 เท่า (- 1SD ในรอบ 10 ปี) และเป็นระดับต่ำสุดรองจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ในปี 63 ขณะที่ในเชิง PBV มีค่าที่ 1.31 เท่า (-2SD ในรอบ 10 ปี) อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่ส่วนต่างผลตอบแทนตราสารหนี้กับหุ้นกว้างมาก โดยมี MEYG ที่ 4.25% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต) หนุนให้เม็ดเงินมีโอกาสทยอยไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป ขณะเดียวกัน SET Index ยังมี Upside จากดัชนีเป้าหมายที่ 1,580 จุด อยู่พอสมควร
โดยกลยุทธ์การลงทุนเดือนพฤษภาคม 2567 แนะนำหุ้นพื้นฐาน กำไรฟื้น ได้แรง หนุนจากนโยบายภาครัฐ อย่าง CPALL, KBANK, SJWD, CK, WHA และ CPF
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บล.ทิสโก้’ คัด 8 หุ้นเด่นเดือน พ.ค. แนะลุยหุ้นเชิงคุณภาพที่มีปัจจัยบวกระยะสั้น
- ก.ล.ต. ฟันโทษทางแพ่ง 14 ราย ปั่นหุ้น THE สั่งปรับกว่า 276 ล้านบาท
- หุ้นไทยวันนี้ปิดร่วง 4.70 จุด หลังเฟดคงดอกเบี้ย ต่างชาติเทขาย 2 พันล้าน!
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg