Stock

สรุปกำไรหุ้น ‘กลุ่ม ปตท.’ งวด 9 เดือนปี 2566 มีอะไรที่ต้องรู้

หุ้นพลังงานยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม ปตท. ได้แก่ PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, GPSC และ OR รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิรวมกัน 71,050 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นกว่า 291% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 18,136 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2566 ทั้งกลุ่มมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 164,708 ล้านบาท 

ภาพรวมจะเห็นว่าทุกบริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี มีเพียง PTTEP หรือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่กำไรไตรมาส 3/66 หดตัวลง เนื่องจากปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติ และราคาขายน้ำมันที่ลดลง อีกทั้งขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 20 ล้านดอลลาร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายทางภาษีที่เพิ่มขึ้น

กลุ่ม ปตท.

ขณะที่ผู้นำในธุรกิจโรงกลั่นอย่าง TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นที่มีกำไรไตรมาส 3/66 เติบโตมากที่สุดในกลุ่ม ด้วยผลกำไรสุทธิระดับ 10,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90,133% จากช่วงปีก่อน หลังมีบันทึกกำไรสต็อกน้ำมันกว่า 9,638 ล้านบาท จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน ก็เพิ่มขึ้น 4.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น รวมทั้งปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน 

เช่นเดียวกับอีก 2 หุ้นโรงกลั่ม และปิโตรเคมี ได้แก่ PTTCG หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ที่ไตรมาส 3/66 พลิกมีกำไรสุทธิ 1,426.66 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 13,404.04 ล้านบาท ส่วน IRPC หรือ  บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) พลิกทำกำไร 2,439 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2,549 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) สามารถทำกำไรสุทธิที่ระดับ 5,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 637% จากช่วงปีก่อน หลังจากที่สามารถรักษาการเป็นเบอร์ 1 ของผู้นำตลาดน้ำมัน และผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants พร้อมทั้งมีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรเพิ่มขึ้น จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ ทั้ง Energy Solution และ Lifestyle ที่มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สุดท้าย GPSC หรือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 441% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากมาร์จินการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม

กลุ่ม ปตท.

ในส่วนของบริษัทแม่หุ้น PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกาศกําไรสุทธิในไตรมาส 3/66 จํานวน 31,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,422 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามกําไรจากการดําเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจําหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง

สำหรับสถานะการเงินของ ปตท. และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 3,537,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 121,826 ล้านบาท หรือ 3.6% จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565

โดยหลักมาจากเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด และเงินลงทุนระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น จากกิจกรรมดำเนินงาน ของกลุ่ม ปตท. รวมถึงที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น อาทิ สินทรัพย์เพื่อการสำรวจ และผลิตปิโตรเลียมในโครงการ G1/61 และ G2/61 ของ PTTEP และงานระหว่างก่อสร้างในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ของ TOP 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน