โดดเด่นทีเดียวสำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ปี 2566 ของหุ้น GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
บริษัทมีรายได้รวม 30,674 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 209% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จาก 35.75 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 2/66 เป็น 36.72 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 3/66 ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 4,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงการบันทึกรายการทางบัญชี และไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและผลประกอบการ
เท่ากับว่า GULF จะมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) เท่ากับ 4,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 2,167 ล้านบาท ถือว่าเป็นผลกำไรที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New Hight) รายไตรมาสอีกครั้ง
สาเหตุหลักของการเติบโตในไตรมาส 3/66 ของ GULF เนื่องจากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โครงการกัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยที่ 1 กำลังการผลิต 662.5 MW เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา
ประกอบกับโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 12 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP และโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 7 โครงการภายใต้กลุ่ม GJP มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น เพราะการขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม รวมถึงได้รับผลบวกจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้า IPP ได้แก่ โรงไฟฟ้า GNS GUT และ GSRC มีปริมาณการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มขึ้น โดยโรงไฟฟ้า GNS และ GUT มี Load Factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 8% ในไตรมาส 3/65 เป็น 21% ในไตรมาส 3/66 ขณะที่โรงไฟฟ้า GSRC มี Load Factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 21% ในไตรมาส 3/65 เป็น 79% ในไตรมาส 3/66
นอกจากนี้ กลุ่มโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในต่างประเทศยังมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้า DIPWP ในประเทศโอมาน ได้ COD เพิ่มขึ้นจาก 52 MW ในไตรมาส 3/65 เป็น 326 MW ตั้งแต่ต้นปี 2566
ส่งผลให้ GULF สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 174 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้า Jackson Generation ที่สหรัฐ จำนวน 150 ล้านบาท ในไตรมาส 3/66 หลังจากได้เข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
แนวโน้มไตรมาส 4/66 หุ้น GULF
ผู้บริหารของ GULF เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/66 คาดว่ายังคงเติบโตตามเป้า แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ลงมาที่ 3.99 บาท แต่กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ของ GULF ยังสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีกว่าปีก่อน จากราคาก๊าซเฉลี่ยทั้งปีที่ลดลง และค่า Ft เฉลี่ยปีนี้ ยังสูงกว่าปี 2565
อีกทั้ง GULF มีสัดส่วนปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมเพียง 8% ของปริมาณการขายไฟฟ้าทั้งหมด จึงไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว
ด้านมุมมองฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส คาดกําไรปกติงวดไตรมาส 4/66 จะยังเห็น GULF มีการเติบโตขึ้นทําระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง หนุนจากการรับรู้โครงการโรงไฟฟ้า GPD phase 2 กําลังการผลิต 463.8 MW ที่จะเริ่ม COD ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลลมทั้งในประเทศไทย และเยอรมนี
แต่ก็เชื่อว่ายังมีแรงกดดันจากปริมาณขายไฟฟ้าในกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ที่คาดปรับตัวลดลงตามการเรียกไฟจาก EGAT ที่น้อยลงตามฤดูกาล และอัตรากําไรในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในส่วนที่ขายไฟให้ลูกค้าอุตสาหกรรมที่คาดจะปรับตัวลดลงตามการปรับลดค่า Ft
ประมาณการกําไรปกติปี 2566 ของ GULF ที่ 16,000 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.2% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการรับรู้โครงการใหม่ ๆ ที่เริ่มทยอย COD ตามแผน และอัตรากําไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ในส่วนที่ขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสหกรรม จะปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยทั้งปีที่ลดลง และ Ft เฉลี่ยที่อยู่ในระดับสูงจากการสะท้อนต้นทุนพลังงานที่แท้จริงได้มากยิ่งขึ้น
ลงทุนหุ้น GULF อย่างไรดีในช่วงต่อจากนี้
กลยุทธ์ของ บล.ดาโอ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาท หลังราคาหุ้นกลับมา outperform SET ราว 6% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เพราะตลาดเริ่มคลายความกังวลต้นทุนดอกเบี้ยขาขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง จึงมองว่าหุ้นยัง outperform ต่อไป
นอกจากประเด็นข้างต้นแล้ว ยังมีมุมมองเชิงบวกจากกำไรที่เป็นขาขึ้นจากการทยอย COD โรงไฟฟ้าโครงการใหม่ รวมถึงการเป็นบริษัทที่มุ่งมั่นเดินหน้าลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งครอบคลุมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำว่าการที่ราคาหุ้นลดลงในช่วงที่ผ่านมา เป็นโอกาส “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาท และการที่บริษัททำกำไรสถิติสูงสุดครั้งใหม่ จะช่วยให้ตลาดคลายกังวลต่อการปรับลดค่าไฟฟ้าของภาครัฐ อีกทั้ง GULF ยังมีฐานกำไรที่มั่นคง กระจายตัว และจะเติบโตจากโครงการใหม่ในปีหน้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘GUNKUL’ กำไรโตตามนัด แจกปันผลระหว่างกาล 2.3%
- กลยุทธ์ลงทุนหุ้นน้ำหวาน ‘CBG-SAPPE-OSP’ เมื่อราคาน้ำตาลกดกำไร
- ถึงเวลา ‘ช้อนหุ้น’ สำหรับ ‘นักลงทุนสาย VI’
