ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (13 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 39.15 จุด ส่วน “เอสแอนด์พี 500” และ “แนสแด็ก” ยังอยู่ในแดนลบ จากความใวิตกเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างอิสราเอล กับฮามาส และผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ บ่งชี้ถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,670.29 จุด เพิ่มขึ้น 39.15 จุด หรือ +0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,327.78 จุด ลดลง 21.83 จุด หรือ -0.50% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,407.23 จุด ลดลง 166.99 จุด หรือ -1.23%
ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 นั้น หุ้นกลุ่มพลังงานบวก 2.3% ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 1% และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 0.8%
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง หลังการเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 63 ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยลดลงจากระดับ 68.1 ในเดือนกันยายน และยังลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะขยับลงแตะ 67.4
นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.8% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า จากระดับ 3.2% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น 3% จากระดับ 2.8% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว
แถลงการณ์ระบุว่า ประชากรเกือบทุกกลุ่มมีความเชื่อมั่นลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ยังคงปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มธนาคารปิดบวก 0.6% หลังบรรดาหุ้นธนาคารชั้นนำปรับตัวขึ้น เนื่องจากการเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3/2566 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดโผ 5 หุ้นเด่น คัดเน้นๆ โดยสมาคมนักวิเคราะห์
- ลุ้นหุ้นไตรมาส 4 พลิกกลับเป็นขาขึ้น แนวต้าน 1,550 จุด ส่อง 7 หุ้นเด่นน่าลงทุน
- ส่อง 8 หุ้นเด่นเดือนตุลาคม พร้อมปรับเป้าหมายดัชนีเป็น 1,535 จุด