Stock

ลุ้นหุ้นไตรมาส 4 พลิกกลับเป็นขาขึ้น แนวต้าน 1,550 จุด ส่อง 7 หุ้นเด่นน่าลงทุน

“บล.เอเซีย พลัส” ประเมินหุ้นไตรมาส 4/66 พลิกกลับเป็นขาขึ้น ประเมินกรอบเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,400-1,550 จุด พร้อมวางเป้าดัชนีปี 67 ที่ 1,717 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4/2566 มีโอกาสลุ้นกลับทิศเป็นขาขึ้น แม้มีความเสี่ยงการเกิด Recession ในสหรัฐ แต่ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ทยอยดีขึ้นตามลำดับ ทำให้วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ใกล้จบ โดยตลาดคาดว่า FED น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.5% จนถึงสิ้นปี ขณะที่เศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว หลังตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ออกมาสูงกว่าคาด อาทิ PMI ภาคการผลิต, ยอดนำเข้า-ส่งออก, CPI, PPI ฯลฯ

หุ้นไตรมาส 4

ในส่วนของประเทศไทยทั้งทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อนับตั้งแต่ครึ่งหลังปี 66 จากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของภาครัฐ ซึ่ง ธปท. ประเมิน GDP Growth ไทยปี 2566 และปี 2567 เติบโต 2.8% และ 4.4% ตามลำดับ โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกรอบเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,400- 1,550 จุด

โดยในช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยมีความน่าลงทุนมากขึ้น หลังปัจจัยต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรงในช่วงไตรมาส 3/2566 และมีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก จะไม่ใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกเฉกเช่นเดียวกับช่วงก่อนหน้านี้

หุ้นไตรมาส 4
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม

ขณะที่ประเด็นในประเทศเห็นพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อย ๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน, ฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงิน Digital 10,000 บาท ในระยะถัดไป ทั้งนี้ หากนโยบายแจกเงิน Digital 10,000 บาท ไม่สามารถทำให้เกิดหมุนเวียนเงินในระบบอย่างที่คาด จะส่งผลให้ขอบเขตที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมายากขึ้น เนื่องจากการใช้ทรัพยากรจำนวนมากจะทำให้เกิดภาระผูกพันขึ้นมา อาทิ ภาระหนี้ที่เกิดขึ้น

ในมุม Fund Flow หลังจากที่ต่างชาติขายสุทธิตราสารหนี้ไทย -1.6 แสนล้านบาท และหุ้นไทยอีก -1.4 แสนล้านบาท ในปีนี้ จนเหลือสัดส่วนการถือครองทางตรงหุ้นไทยต่ำเพียง 23.9% หวังว่าจะเห็นการสลับเข้ามาซื้อสะสมสุทธิหุ้นไทยมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยสถิติไตรมาสที่ 4 มักจะเป็นฤดูกาลที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยอยู่แล้ว รวมทั้งยังเป็นช่วงที่มีตัวเลข GDP สูงที่สุดของปี สะท้อนได้จากใน 3 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในไตรมาสนี้ทุกปี โดยซื้อสุทธิเฉลี่ย 3.1 หมื่นล้านบาท

หุ้นไตรมาส 4

ดังนั้น ภายใต้ SET INDEX ที่ย่อตัวลงมามากกว่า 10% ในปีนี้ จนมี PBV เหลือเพียง 1.46 เท่า ต่ำกว่าระดับ -1SD ที่ 1.52 เท่าแล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในโซนที่ Downside จำกัด และยังมี Upside จากการประเมินเป้าหมาย SET INDEX ปี 2566 โดยอิง MEYG ที่ระดับ 3.3% ดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% และ EPS66F ที่ 88.6 บาท/หุ้น จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1524 จุด และ EPS67F ที่ 99.8 บาท/หุ้น จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2567 ที่ 1717 จุด

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมหุ้นเมื่อ SET Index มี Valuation เริ่มน่าสนใจเฉกเช่นภาวะปัจจุบัน โดยเลือกหุ้นพื้นฐานเด่น ราคาน่าสะสม และมีปัจจัยเฉพาะตัวหนุนให้มีโอกาสฟื้นตัวเด่นกว่าตลาด อย่าง AOT, SCGP, PTTEP, TOP, BCPG, TU, III รวมทั้งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกอาหาร เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ในห้างสยามพารากอนวานนี้ คาดว่ามีผลกระทบเชิง Sentiment ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับหุ้นกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวเฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากนั้นจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK