Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดบวกเล็กน้อย 57.54 จุด กังวล ‘เฟด’ ตรึงดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (7 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ขยับขึ้นเล็กน้อย 57.54 จุด ขณะเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก ปิดในแดนลบ แรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ล หลังมีรายงานเกี่ยวกับการควบคุมการใช้โทรศัพท์ไอโฟนในจีน

นักลงทุนยังกังวลว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดาวโจนส์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์  ปิดที่ 34,500.73 จุด เพิ่มขึ้น 57.54 จุด หรือ +0.17% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,451.14 จุด ลดลง 14.34 จุด หรือ -0.32% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,748.83 จุด ลดลง 123.64 จุด หรือ -0.89%

หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลงเกือบ 3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 2 หลังสื่อรายงานว่า จีนได้สั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐบาลกลางใช้ไอโฟน ของบริษัท และอุปกรณ์สื่อสารแบรนด์ต่างชาติรายอื่น ๆ ในการทำงาน หรือพกเข้าสำนักงาน ล่าสุดมีรายงานว่า จีนจะขยายขอบข่ายคำสั่งห้ามดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงบริษัทของรัฐบาล และหน่วยงานต่าง ๆ ที่รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลจีนยังไม่ได้เผยแพร่คำสั่งห้ามดังกล่าวต่อสาธารณชน แต่ก็ทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าแอปเปิ้ลอาจจะติดอยู่ในวงล้อมของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของแอปเปิ้ลซึ่งครองตลาดสมาร์ตโฟนในจีนและพึ่งพาจีนในฐานะหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดของแอปเปิ้ล

การร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ลได้ฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 1.6% นอกจากนี้ ยังได้ฉุดหุ้นบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับแอปเปิ้ล และหุ้นบริษัทชิปที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนด้วย

ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลว่า ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจจะทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 234,000 ราย

หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว นักลงทุนให้น้ำหนัก 45.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมวันที่ 1 พฤศจิกายน หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 37.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ 28.6% เมื่อเดือนที่แล้ว

ดาวโจนส์

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกเดือนสิงหาคม ของจีนลดลง 8.8% ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศชะลอตัวลง ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.3% ในเดือนดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หุ้นแมคโดนัลด์ ดีดตัวขึ้น 1.05% และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากนักวิเคราะห์ของธนาคารเวลส์ฟาร์โกได้ปรับเพิ่มมุมมองความน่าลงทุนของหุ้นแมคโดนัลด์ขึ้นสู่ระดับ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight)”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo