Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วงเกือบ 200 จุด บอนด์ยีลด์พุ่งแรง กังวลดอกเบี้ยในระดับสูง

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (5 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงเกือบ 200 จุด ถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะนักลงทุนประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย และจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐอย่างใกล้ชิด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์  ปิดที่ 34,641.97 จุด ลดลง 195.74 จุด หรือ -0.56% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,496.83 จุด ลดลง 18.94 จุด หรือ -0.42% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 14,020.95 จุด ลดลง 10.86 จุด หรือ -0.08%

ดาวโจนส์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.234% หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และหลังจากที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสหรัฐ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวจะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และจะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ปัจจัยฉุดตลาด รวมถึง ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ทั้งการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันยังอาจบั่นทอนความพยายามของเฟดในการฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

ขณะนี้นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งจะเปิดเผยในวันพุธที่ 13 กันยายน  อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยก่อนที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 19-20 กันยายน

อย่างไรก็ดี ระหว่างวัน ตลาดได้รับแรงหนุน จากการที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ขณะนี้มีโอกาสเพียง 15% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งลดลงจากโอกาส 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo