Stock

คัด 10 กอง REIT ราคาน่าสะสม เก็บกินปันผลยาว

คัด 10 กอง REIT ราคาน่าสะสม เก็บกินปันผลยาว สำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ 

นับตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นในกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ Real Estate Investment Trust: REIT) ต่างปรับตัวลงทั่วโลก เนื่องจากเป็นช่วงที่ธนาคารกลางทยอยขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนลดน้อยลงไปเมื่อเทียบกับการออกตราสารหนี้ ขณะเดียวกันก็ได้รับผลกระทบในแง่ของต้นทุนทางการเงินด้วย

แต่ในตอนนี้ที่ดอกเบี้ยกำลังใกล้จุดพีค ประกอบกับระดับ Valuation ของกลุ่ม REIT ถือว่าส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต อีกทั้งในปีนี้เราน่าจะได้เห็นการกลับมาฟื้นตัวของการขึ้นค่าเช่าหรือการเพิ่มขึ้นจากอัตราการเช่า โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารสำนักงานและโรงแรมที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง

กินปันผล -ราคาน่าสะสม

การทยอยเข้าลงทุนกอง REIT ในจังหวะนี้นับว่าน่าสนใจ สำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการได้กินปันผล ที่สม่ำเสมอ ทั้งนี้ เราจึงได้รวบรวม 10 กอง REIT เพื่อเป็นตัวอย่างและแนวทางในการศึกษาให้แก่นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในธีมนี้กัน

กินปันผล

1. JASIF หรือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน
คาด Yield ปี 2566 ที่ 14.2%
มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงจำนวน 1,680,500 คอร์กิโลเมตร โดยบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) เป็นผู้เช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงของกองทุนตามสัญญา

2. SPRIME หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท
คาด Yield ปี 2566 ที่ 8.9%
ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินบางส่วนและพื้นที่สำนักงาน พื้นที่ห้องประชุม พื้นที่ส่วนกลาง ที่จอดรถ และงานระบบของอาคารซันทาวเวอร์ส เป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2562

3. DIF หรือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล
คาด Yield ปี 2566 ที่ 9.6%
เป็นเจ้าของหรือมีสิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิที่เกิดจากกลุ่มทรัพย์สินประเภทเสาโทรคมนาคมจำนวน 16,059 เสา

4. GVREIT หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์
คาด Yield ปี 2566 ที่ 10.2%
ลงทุนในสิทธิการเช่าพื้นที่บางส่วนในอาคาร ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ (ไม่รวมพื้นที่ของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ) และสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและอาคาร สาทร สแควร์

5. B-WORK หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง ออฟฟิศ
คาด Yield ปี 2566 ที่ 8.8%
ลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานและพื้นที่เกี่ยวข้องของโครงการทรู ทาวเวอร์ 1 และทรู ทาวเวอร์ 2 ระยะเวลา 30 ปี

6. SUPEREIF หรือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี
คาด Yield ปี 2566 ที่ 9.6%
ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) โดยระยะเวลาการลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิประมาณ 22 ปี

กินปันผล

7. WHAIR หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล
คาด Yield ปี 2566 ที่ 9.2%
ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโรงงาน 128 ยูนิต และอาคารคลังสินค้า 32 ยูนิต เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยมีพื้นที่อาคารให้เช่า 428,818 ตร.ม. ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่ม WHAID

8. BOFFICE หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ภิรัชออฟฟิศ
คาด Yield ปี 2566 ที่ 9.8%
ลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ มีระยะเวลาการเช่าประมาณ 26 ปี 9 เดือน และลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค มีระยะเวลาการเช่า 30 ปี

กินปันผลกับการลงทุน

9. EGATIF หรือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
คาด Yield ปี 2566 ที่ 12.1%
ลงทุนในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายในอนาคตของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 670 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี

กินปันผล

10. WHART หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท
คาด Yield ปี 2566 ที่ 7.4%
เน้นลงทุนในคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับพรีเมี่ยม ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ของกลุ่ม WHA

หมายเหตุ: ตัวเลข Yield ดังกล่าวเป็นการคำนวณรวมทั้งเงินปันผลและเงินลดทุน โดยคำนวณจากราคาปิดวันที่ 11 สิงหาคม 2566 โดยบทวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน