เปิดราคาเป้าหมายหุ้น GULF หลังขายไฟเพิ่ม กำไรไตรมาส 2 โต 88%
ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 ของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ออกมาโดดเด่นอีกครั้ง โดยมีรายได้รวม 35,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลักเป็นเพราะการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติกัลฟ์ เอสอาร์ซี (GSRC) และโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อปี 2565 ประกอบกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP จำนวน 12 โครงการ ยังมีรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีการใช้ไฟฟ้า (Load Factor) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 78% ในช่วงปีก่อน เป็น 80% ในไตรมาส 2/2566
นอกจากนี้ GULF ยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากการขายไฟฟ้า ให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง พร้อมกันนี้ GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งของบริษัทในเครือจำนวน 1,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทำให้เมื่อรวมผลประกอบการช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 58,970 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 35.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิสุทธิ 6,735 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 36.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนแนวโน้มภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 50% ซึ่งจะมาจากการ COD โครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mekong ประเทศเวียดนาม, โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GPD หน่วยที่ 2 และโครงการ Solar Rooftop ภายใต้ GULF1
สำรวจราคาเป้าหมายหุ้น GULF
เราได้รวบรวมคำแนะนำและราคาเป้าหมายหุ้น GULF จากบทวิเคราะห์ต่างๆ หลังที่บริษัทรายงานผลประกอบการเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ดังนี้
รวบรวมจาก Settrade ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2566
มุมมองโดยบทวิเคราะห์ บล. บัวหลวง คาดว่ากำไรหลักไตรมาส 3/2566 ของ GULF จะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยกำไรจากโรงไฟฟ้า IPP โครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณสำรองไฟฟ้าของไทยใกล้ถึง 50% แล้ว ตลาดจึงไม่มีความคาดหวังสำหรับโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ แต่จากข้อเท็จจริงที่ว่าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่สามารถใช้ได้ในช่วงเวลาที่เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด นั้นมีสัดส่วนมากในกำลังการผลิตของประเทศ จึงไม่คิดว่าการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยอยู่ในภาวะอุปทานล้น
และเนื่องจากการนำ EV มาใช้นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ใช้ EV มักจะชาร์จเวลาเดียวกันในช่วงเวลากลางคืน ทำให้คาดว่าทุกๆ 100,000 EV ที่ชาร์จพร้อมกัน จะต้องใช้โรงไฟฟ้า IPP ใหม่ 1โรง ทำให้ประเทศไทยอาจเผชิญกับความเสี่ยงระบบไฟฟ้าล่ม (blackout risk) ในอนาคตอันใกล้ มองว่าสถานการณ์นี้เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ GULF ก่อนที่ตลาดจะเริ่มเก็งกำไรต่อแผน PDP ใหม่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘GULF’ เปิด Core Profit ไตรมาส 2/66 โต 15% รายได้รวมเพิ่ม 44%
- ‘GULF’ นิวโลว์รอบ 9 เดือน สวนกำไรทุบนิวไฮ
- ‘GULF’ ประสบความความสำเร็จ ออกครั้งแรก ‘กรีน บอนด์’ 8 พันล้านบาท ต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาด