Stock

หุ้นปูนใหญ่ SCC กำไรร่วง 1,800 ล้านบาท เหลือปันผล 2.50 บาท

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2566 มีรายได้จากการขาย 124,631 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ราคาปรับตัวลดลงหนัก

ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 8,082 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ปรับลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์

SCC

ดังนั้น ทำให้ภาพรวมช่วง 6 เดือนแรกของปี (มกราคม-มิถุนายน 2566) SCC มีรายได้จากการขาย 253,379 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 24,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะบริษัทมีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนรวม 14,822 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 10 สิงหาคม 2566 และจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 9 สิงหาคม 2566 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 

SCC

SCC ปันผลน้อยลงจนน่าใจหาย

ธุรกิจของปูนซิเมนต์ไทย เป็นหุ้นพื้นฐานมั่นคง ทำกำไรแข็งแกร่งมาโดยตลอด และมีจุดเด่นตรงที่การจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เมื่อย้อนดูข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็จะพบว่า SCC เคยจ่ายเงินปันผลเกิน 10 บาทต่อหุ้นมานานหลายปี ซึ่งจะแบ่งจ่าย 2 งวดคือช่วงต้นปีและกลางปี

  • ปี 2562 ปันผลประจำปี 9.50 บาท ปันผลระหว่างกาล 7 บาท รวมทั้งสิ้น 16.50 บาท
  • ปี 2563 ปันผลประจำปี 7 บาท ปันผลระหว่างกาล 5.50 บาท รวมทั้งสิ้น 12.50 บาท
  • ปี 2564 ปันผลประจำปี 8.50 บาท ปันผลระหว่างกาล 8.50 บาท รวมทั้งสิ้น 17 บาท
  • ปี 2565 ปันผลประจำปี 10 บาท ปันผลระหว่างกาล 6 บาท รวมทั้งสิ้น 16 บาท
  • ปี 2565 ปันผลประจำปี 2 บาท ปันผลระหว่างกาล 2.50 บาท รวมทั้งสิ้น 4.50 บาท

หุ้น SCC เคยจ่ายเงินปันให้แก่ผู้ถือหุ้นเกินระดับ 10 บาท ทว่าปีล่าสุดกลับจ่ายรวมกันเพียง 4.50 บาทเท่านั้น แน่นอนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำไรที่หายไปเยอะของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันทิศทางปีนี้ก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวแบบเต็มที่ ซึ่งผลประกอบการของ SCC ถือเป็นหนึ่งดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจ​ไทยได้เช่นกัน

รอเวลากลับมาเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

ความเห็นนักวิเคราะห์มองว่า SCC มีความพร้อมทุกอย่างที่จะกลับมาเติบโต และรอเก็บเกี่ยวผลตอบแทนเต็มที่เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ทั้งนี้ บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า SCC มีความพร้อมทั้งเรื่องการขยายกําลังการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added) ประกอบกับการเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

หากเศรษฐกิจกลับมาดี ธุรกิจปิโตรเคมีจะเป็นธุรกิจหลักที่หนุนให้ SCC ทะยานสูง และเตรียมก้าวออกจากช่วงวัฏจักรขาลงในปีนี้ ส่วนแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจะทําได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง  ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนเศษกระดาษ ต้นทุนพลังงานทั้งถ่านหิน ค่าไฟฟ้า รวมไปถึงต้นทุนค่าขนส่ง

SCC

บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่าแนวโน้มกําไรไตรมาส 3/66 ของ SCC คาดการณ์ถึงโมเมนตัมที่ดีขึ้น ด้วยปริมาณการขายที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังกลับมาเดินเครื่องโรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) ท่ามกลางช่วงไฮซีซั่นของอุปสงค์สินค้าเคมีภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับประมาณการกําไรปกติปี 2566 ลดลง 17% เพื่อสะท้อนอัตราการใช้กําลังการผลิตที่ตํ่ากว่าคาดของธุรกิจเคมิคอลส์ ตามความต้องการสินค้าเคมีภัณฑ์ซึ่งฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์เอาไว้

สำหรับคำแนะนำการลงทุน ยังคงเรทติ้ง “OUTPERFORM” หุ้น SCC แต่ปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 357 บาท (จาก 385 บาท) โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโนมกําไรในระยะกลางถึงระยะยาวของ SCC เนื่องจากโรงงานใหม่ “Long Son Petrochemical (LSP)” ทำให้กําลังการผลิตเพิ่มขึ้น 40% ที่จะเริ่มดําเนินงานเชิงพาณิชย์ในเดือนกันยายนนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน