Stock

ปีนี้เปลี่ยนไป! อาจได้เห็นปรากฎการณ์ ‘Buy in May’

เดือนพฤษภาคม นักลงทุนจะเริ่มลุ้นกันว่า จะเป็นเดือนที่มีการเทขายหุ้นหรือไม่ เพราะจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Sell in May แต่ปีนี้นักลงทุนอาจจะต้องเจอ Buy In May มากกว่า Sell in May

ปกติเมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคม นักลงทุนจะเริ่มลุ้นกันว่า จะเป็นเดือนที่มีการเทขายหุ้นหรือไม่ เพราะจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Sell in May ซึ่งเป็นช่วงที่ผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ  ด้วยสาเหตุจากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงของนักลงทุนต่างชาติเพราะมีวันหยุดเยอะเป็นพิเศษ รวมถึงเป็นช่วงหลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก และเป็นหลังฤดูกาลจ่ายเงินปันผล

แต่สำหรับปี 2566 อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เนื่องด้วยสถานการณ์แวดล้อมต่างๆ ที่มีความแตกต่างจากอดีต ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจและสังคม วัฏจักรธุรกิจ สภาพแวดล้อมของตลาด นโยบายการเงิน-การคลัง ตลอดจนการเลือกตั้ง ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

บทวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า ปีนี้นักลงทุนอาจจะต้องเจอ Buy In May มากกว่า Sell in May จากเหตุผล 4 ประการที่ช่วยหนุนให้ SET น่าสะสม ดังนี้

Buy In May

1. งบไตรมาส 1 ปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่น

ผิดจากงบไตรมาส 4/2565 ที่ต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส เบื้องต้นคาดว่าภาพรวมไตรมาส 1/2566 จะดีกว่าที่ตลาดคาดราว 15% รวมถึงฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรจากการทำ Earning Preview จำนวน 1 ใน 3 ของ Market Cap. ตลาด พบว่ากำไรไตรมาส 1/2566 เติบโตถึง 79% QoQ และ 2% YoY

2. เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ในอดีตหุ้นมักปรับตัวขึ้น

เพราะการหาเสียงของพรรคการเมืองส่วนใหญ่เน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมกับใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจให้จุดติดแบบจัดเต็ม อีกทั้งสถิติในอดีตชี้ว่า SET Index มีแนวโน้มที่ดีในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งในอดีตก่อนการเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ หุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.09% ด้วยความน่าจะเป็น 80% และหลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ มีโอกาสปรับตัวขึ้น 3.8% ด้วยความน่าจะเป็น 80% เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมี Fund Flow ที่ไหลเข้ามาสนับสนุนเสมอ

3. แรงกดดันจากหุ้น DELTA ลดลงแล้ว

หุ้น DELTA ลดลงมากในช่วงเดือนเมษายน ย่อตัวลงมากว่า -36% จาก 114.2 บาท เหลือ 72.75 บาท กดดัน Market Cap เหลือ 9 แสนล้านบาท (ลงมาเป็นอันดับ 2 รองจาก AOT) และราคาปัจจุบันเริ่มเข้าใกล้ราคาเป้าหมายที่ Consensus ประเมินไว้ที่ 55 –79 บาท (เฉลี่ย 61 บาท) จึงเชื่อว่าต่อจากนี้แรงกดดันของ DELTA จะค่อยๆ ลดลง

4. SET Index อยู่ที่ระดับ 1500 จุด ถือเป็นโซนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไตรมาสแรก

ปัจจุบัน SET Index อยู่ที่ 1500 ต้นๆ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาส 1/2565 ที่ 1,645 จุด พอสมควร ขณะที่แรงกดดันต่างๆ น้อยลง ทั้งเรื่อง วิกฤตธนาคารโลก การขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงปัจจัยในประเทศงบไตรมาส 1/2566 มีโอกาสฟื้นเด่น และยังเป็นช่วง Election Rally อีกด้วย

ดังนั้น บทวิเคราะห์มองว่าแทนที่นักลงทุนจะกังวล Sell In May ควรจะเปลี่ยนมาเป็น Buy In May น่าจะเหมาะสมกว่า อีกทั้งการที่ช่วง 4 เดือนแรกของปี ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนไม่ดี ก็มีโอกาสต่ำมากที่จะไม่ดีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

Buy In May

เลือก ADVANC, SAWAD และ SNNP เป็น Top Pick

ด้วยเหตุผลที่กล่าวช้างต้น จึงเลือก ADVANC : บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), SAWAD : บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ SNNP : บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้น Top Pick โดยน่าสะสมมากขึ้น พร้อมกับคาดหวัง Fund Flow กลับมาพยุงดัชนีอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหลังวันเลือกตั้ง

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส แนะนำสะสมหุ้นกำไรไตรมาส 1/2566 ฟื้น ได้แก่ SNNP, BEM, SCGP, IVL และหุ้นเด่นรับ Election Rally ได้แก่ CPALL, CK, SAWAD, ADVANC ประเมินกรอบ SET Index ช่วง 1,520-1,545 จุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน