ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (2 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงกว่า 300 จุด ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารสหรัฐ รวมทั้งความกังวลที่ว่า “เฟด” จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ และความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,684.53 จุด ร่วงลง 367.17 จุด หรือ -1.08% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,119.58 จุด ลดลง 48.29 จุด หรือ -1.16% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 12,080.51 จุด ลดลง 132.09 จุด หรือ -1.08%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนี KBW Regional Banking Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ดิ่งลง 5.5% ซึ่งปรับตัวลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา หลังหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐเข้าคุมกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (FRB) และเปิดทางให้เจพีมอร์แกนเข้าซื้อกิจการ
คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมติการประชุมในวันนี้ (3 พ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ จากการที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิถุนายนหากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนเส้นตายในวันดังกล่าว
นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเมษายน จาก ADP และดัชนีภาคบริการเดือนเมษายน จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
วันพฤหัสบดี (4 พ.ค.) จะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดุลการค้าเดือนมีนาคม ส่วนในวันศุกร์ (5 พ.ค.) สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเมษายน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รายที่ 3! สหรัฐ ยึดกิจการ ‘เฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์’ ขายต่อให้ ‘เจพีมอร์แกน’
- ‘เจพีมอร์แกน’ คาด ‘วิกฤติธนาคาร’ ทำ ‘เศรษฐกิจโลก’ เสี่ยงเจอภาวะ ‘Minsky Moment’
- นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ‘พาวเวล’ ไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ย จนกว่า ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ถดถอย