ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (1 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ลดลงเล็กน้อย 46 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติธนาคาร หลัง “เจพีมอร์แกน” ซื้อกิจการ “เฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์” ทั้งยังวิตกถึงความเป็นไปได้ที่ “ธนาคารกลางสหรัฐ” จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,051.70 จุด ลดลง 46.46 จุด หรือ -0.14% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,167.87 จุด ลดลง 1.61 จุด หรือ -0.04% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 12,212.60 จุด ลดลง 13.99 จุด หรือ -0.11%
เมื่อวานนี้ สำนักงานคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (DFPI) สั่งปิดกิจการธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิก (FRB) และได้บรรลุข้อตกลงขายกิจการธนาคารรายนี้ ให้กับเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งภายใต้ข้อตกลง เจพีมอร์แกน จะเข้าถือครองเงินฝาก 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ของ FRB รวมถึงเงินกู้อีก 1.73 แสนล้านดอลลาร์ และหลักทรัพย์ 3 หมื่นล้านดอลลาร์
ข่าวดังกล่าว ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคร่วงลงอย่างหนัก และส่งผลให้ดัชนี KBW Regional Banking ร่วงลง 2.7% ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า การเข้าซื้อกิจการ อาจช่วยบรรเทาวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจรับรองได้ว่า วิกฤตการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในวันข้างหน้า
อย่างไรก็ดี รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวล เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงตลาด
วันนี้ (2 พ.ค.) นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.7% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5.00-5.25% และให้น้ำหนักเพียง 14.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รายที่ 3! สหรัฐ ยึดกิจการ ‘เฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์’ ขายต่อให้ ‘เจพีมอร์แกน’
- ‘เจพีมอร์แกน’ คาด ‘วิกฤติธนาคาร’ ทำ ‘เศรษฐกิจโลก’ เสี่ยงเจอภาวะ ‘Minsky Moment’
- นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ‘พาวเวล’ ไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ย จนกว่า ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ถดถอย