Stock

‘Netflix’ ไตรมาสแรก โตน้อยกว่าคาด เดินกลยุทธ์ ‘หยุดแชร์พาสเวิร์ด’

ผลประกอบการไตรมาสแรกในปี 2566 ของ Netflix (เน็ตฟลิกซ์) แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ของโลกประกาศออกมาแล้ว

บริษัทมีรายได้รวม 8,160 ล้านดอลลาร์ เติบโต 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,310 ล้านดอลลาร์ ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 2.86 ดอลลาร์

Netflix

ตัวเลขดังกล่าว ถือว่าน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ประเมินว่า Netflix น่าจะรายงานรายได้ประมาณ 8,180 ล้านดอลลาร์ กำไร 1,600 ล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นที่ 2.88 ดอลลาร์

ขณะที่จำนวนสมาชิก (Subscriber) ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 1.75 ล้านราย ทำให้ตัวเลขยอดสมาชิกรวมขยับขึ้นมาเป็น 232.5 ล้านราย ถือว่าเป็นกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง หลังจากที่บริษัทเคยมียอดสมาชิกหายไป 200,000 ราย เมื่อช่วงไตรมาส 1 ของปี 2565

สำหรับตัวเลขทางการเงินอื่น ๆ ที่น่าสนใจในไตรมาสนี้ ได้แก่ Gross profit Margin อยู่ที่ 41% Operating profit Margin อยู่ที่ 21% และ Net profit Margin อยู่ที่ 16%

อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ และจำนวนสมาชิกในรอบนี้จะเติบโต แต่ไม่ได้ดีพอกับที่ตลาดคาดหวัง จึงสะท้อนไปราคาหุ้น NFLX ที่รูดลงไปกว่า 10% หลังประกาศงบ ก่อนที่จะเด้งขึ้นมาหลังจากที่บริษัทมีคำอธิบายงบการเงินออกมา

แต่ประเด็นสำคัญของผลการดำเนินงานในรอบนี้ คือการที่ Netflix ประกาศย้ำแนวทางว่า จะจัดการอย่างเด็ดขาดต่อการแชร์พาสเวิร์ดในไตรมาสหน้า โดยระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 43% ของฐานผู้ใช้ทั่วโลก ที่แชร์พาสเวิร์ดให้กัน

สิ่งนี้ส่งผลต่อผลกำไรของบริษัทโดยตรง รวมไปถึงงบลงทุนในการสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ด้วย

มาตรการป้องกันแชร์พาสเวิร์ด ปัจจุบัน Netflix เริ่มทดลองใช้ในบางประเทศ เช่น ชิลี คอสตาริกา เปรู แคนาดา นิวซีแลนด์ โปรตุเกส และสเปน  มีสัญญาณว่า ต่อไปจะมีการบังคับใช้กับทั่วโลก

shutterstock 1896570715

ผู้ใช้ในประเทศที่บังคับใช้กฎดังกล่าว จะสามารถตั้งสถานที่หลักสำหรับการใช้งานได้ เพื่อกำหนดให้สมาชิกอื่น ๆ ในบ้านเดียวกันสามารถใช้งานด้วยกันได้ ส่วนผู้ใช้ที่ไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกันนั้น ผู้ใช้หลักสามารถสร้างบัญชีลูกได้สูงสุด 2 บัญชี สำหรับแพลนพรีเมียม และ 1 บัญชีสำหรับแพลนมาตรฐาน

กลยุทธ์อีกอย่างที่ Netflix กำลังงัดออกมาใช้ เพื่อดึงผู้ใช้งานให้เป็นสมาชิกต่อไป คือ ระบบโฆษณา ที่ตอนนี้ยืนยันว่า จะเริ่มทยอยออกมาในบางตลาด ด้วยราคา 6.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 265 บาทต่อเดือน

แพ็กเกจนี้จะมีโฆษณา 4 นาทีโผล่ขึ้นมาทุกชั่วโมง คอนเทนต์จะไม่สามารถดาวน์โหลดมาดูทีหลังได้ บางคอนเทนต์ไม่สามารถรับชมได้เนื่องจากเรื่องของลิขสิทธิ์

ในมุมมองของนักลงทุนจะเห็น Netflix ได้เปลี่ยนตัวเองจากหุ้น Growth ที่มีการเติบโตก้าวกระโดดติดต่อกันหลายปี มาสู่การเป็นหุ้น Value ที่มีความมั่นคงอย่างเต็มตัวแล้ว แต่อีกมุมหนึ่งก็ต้องบอกว่า valuation น่าจะใกล้เต็มแล้ว เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้มี New S-Curve เพื่อส่งเสริมให้ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นไปได้

สุดท้ายนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ Netflix ในระยะข้างหน้าจะอยู่ที่ตรงไหน เพราะส่วนตัวมองการจัดการกับพวกแชร์พาสเวิร์ด และการโตด้วยการขายสมาชิกแบบราคาถูก อาจจะไม่ได้มี Impact ที่จะหนุนให้บริษัทเติบโตไปได้ไกลขนาดนั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน