Stock

‘เก็งกำไร’ หุ้นแบงก์ไตรมาสแรก ‘พื้นฐานดี’ ท่ามกลางบรรยากาศลบ

เก็งกำไรหุ้นแบงก์ไตรมาสแรก พื้นฐานดีท่ามกลางบรรยากาศลบ ขณะที่ บล.พาย วิเคราะห์หุ้นธนาคาร ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก

หลังการหยุดยาวสงกรานต์ กำลังจะเข้าสู่ฤดูของการประกาศผลประกอบการในงวดไตรมาสแรกของปี 2566 แล้ว นำโดยหุ้นธนาคารที่จะทยอยแจ้งงบเป็นกลุ่มแรก โดยนักวิเคราะห์ต่างมองกันว่า มีแนวโน้มเติบโตได้ดี หากเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 แต่จะเติบโตเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

สิ่งที่น่าสนใจของหุ้นธนาคารในช่วงนี้ คือ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างเยอะจากช่วงต้นปี เพราะประเด็นเชิงบรรยากาศ (Sentiment) จากกระแสข่าวความเชื่อมั่นวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐ และยุโรป

หุ้นแบงก์

แต่จุดที่หลายคนโฟกัสมากกว่าก็คือเรื่องของเศรษฐกิจโลกผันผวน และอยู่ในทิศทางขาลง แม้ว่าจะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่า Recession ก็ตาม

อย่างไรก็ดี เรามองว่าแม้ Sentiment เป็นลบอยู่ แต่ว่าในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง ทำให้ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับอัพไซด์ (Upside) ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีหุ้นบางตัวที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างดีอย่างสม่ำเสมอ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กำไรสุทธิของธนาคารไทยในไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ประมาณ 54,500 -57,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (ROA) อาจขยับขึ้นไปที่กรอบ 1.00-1.05% สูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 4/65 ที่ 0.89% แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ROA ที่ 1.20% ในช่วง 5 ปีก่อนวิกฤตโควิด  

สะท้อนว่าภาพรวมของธุรกิจธนาคารในช่วงต้นปีนี้ จะเป็นการฟื้นตัวแบบระมัดระวัง แม้รายได้จากธุรกิจหลักจะทยอยดีขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยที่มีแรงหนุนจากการขยับสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อสอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมบางส่วน อาทิ บัตรเครดิตและบริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ นั้นได้รับอานิสงส์จากการฟื้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ แต่ความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจ อาจทำให้สถาบันการเงินต้องตั้งสำรองฯ อย่างระมัดระวัง เพื่อดูแลลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง

บล.พาย วิเคราะห์โดยแบ่งกลุ่มผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ของหุ้นธนาคาร ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

1. ธนาคารที่กำไรเติบโตทั้ง QoQ และ YoY

คาดว่าจะเป็น BBL, KTB และ TISCO จากปัจจัยหนุนสำคัญ คือ NIM เติบโตในระดับสูง และกลุ่มลูกหนี้ยังมีความสามารถชำระหนี้ในระดับที่ดี ทำให้การตั้งสำรองของทั้ง 3 ธนาคารน่าจะปรับลดลง และ Cost-to-income หรือค่าใช้จากในการดำเนินงานเทียบกับรายได้ ก็ยังอยู่ในระดับต่ำเช่นเดียวกัน จึงคาดว่าจะเห็นกำไรเติบโตทั้งจากไตรมาสที่ผ่านมาและจากปีก่อน

หุ้นแบงก์

2. ธนาคารที่กำไรเติบโต QoQ แต่ YoY ลดลง

คาดว่าจะเป็น KBANK, SCB และ KKP โดยมีแนวโน้มสำคัญคือการตั้งสำรองที่จะเห็นทิศทางลดลงจากไตรมาส 4/2565 โดยเฉพาะ KBANK ที่จะเข้ามาหนุนกำไรในไตรมาส 1/2566 ให้โตขึ้น แต่อาจยังเห็นการชะลอตัวจากฐานสูงในไตรมาส 1/2565

ด้าน SCB ยังมีค่าใช้จ่ายจากการขยายธุรกิจในเครือ ซึ่งยังเป็นปัจจัยกดดันกำไรอยู่บ้าง ส่วน KKP อาจมีแรงกดดันจากรายได้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนลดลงไป ด้วยภาพรวมตลาดหุ้นชะลอตัว และยังไม่มีดีล IPO ใหม่ ๆ ออกมา

3. ธนาคารที่กำไรลดลง QoQ ลดลง แต่ YoY เติบโต

คาดว่าจะเป็น TTB เนื่องจากเมื่อเทียบไตรมาส 4/2565 กำไรถูกกดดันจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น โดยเฉพาะ Cost-to-income มีโอกาสปรับสูงขึ้นในส่วนของสินเชื่อรายย่อยที่อัดแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ค่อนข้างมาก ประกอบกับรายได้จากค่าธรรมเนียมลดลง จากกลุ่มลูกค้าซื้อที่ประกัน และกองทุนลดหย่อนภาษีไปมากแล้วในช่วงปลายปี

แต่ยังมีแรงหนุนจากสินเชื่อเช่าซื้อรถที่เป็นปัจจัยต่อการขยายฐานสินเชื่อ ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน