Stock

‘ดาวโจนส์’ ลดเล็กน้อย 21 จุด กังวล ‘เฟด’ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ฉุดเศรษฐกิจถดถอย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (10 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ลดลงเล็กน้อย ท่ามกลางความกังวลว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ” เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะทำให้เศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,463.94 จุด ลดลง 21.35 จุด หรือ 0.06% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,082.89 จุด ขยับลงมา 22.13 จุด หรือ 0.54% และดัชนีแนสแด็กที่ 11,982.12 จุด ร่วงลง 105.83 จุด หรือ 0.88%

ดาวโจนส์

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 8% ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะรายงานตัวเลขกำไรหดตัวลง 5.2% ในไตรมาส 1/2566 หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสดังกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐจะเริ่มรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ ได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2566 ในวันศุกร์ (14 เม.ย.)

ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 6 เดือน ใกล้แตะระดับ 5% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ปรับตัวใกล้ 4% และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี

ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดแตะระดับสูงสุด 5.50-5.75% ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง

ดาวโจนส์

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 71.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พฤษภาคม และให้น้ำหนักเพียง 28.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%

นักลงทุนมองว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่อัตราการว่างงานที่ลดลง บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo