วางกลยุทธ์ลงทุนหุ้นก่อนและหลังเลือกตั้ง โดยกูรูคนดัง พร้อมเปิด 10 สถิติกลุ่มหุ้นผลตอบแทนดี ปรับขึ้นได้ดีก่อนการเลือกตั้งช่วงปี 2544-2562 เช็กเลย!
อีกไม่นานเกินรอที่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งอีกครั้ง ซึ่งการเลือกตั้งก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อบรรยากาศการลงทุน โดยจากผลการศึกษาผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนและหลังวันเลือกตั้ง พบว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นและหุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรมก่อนและหลังเลือกตั้งมีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจพอสมควร ดังนั้น หากวางกลยุทธ์ลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์อาจสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าประทับใจ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2561 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 ตลาดหุ้นไทยตอบรับทันทีด้วยการปิดที่ 1,717.96 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า (วันที่ 12 กันยายน 2561) 38.57 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่นเกือบ 80,000 ล้านบาท จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งต่อการลงทุน
ปัจจุบัน บรรยากาศการเลือกตั้งกำลังกลับมาอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลกำลังจะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคมที่จะถึงนี้ และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 7 พฤษภาคมปีนี้เช่นกัน หรือหากมีการยุบสภาก่อนรัฐบาลจะอยู่ครบวาระก็จะมีการเลือกตั้งเร็วขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
สำหรับการตอบสนองของดัชนีหุ้นไทยในช่วงต้นปีนี้ ประเมินว่าจะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เนื่องจากกําหนดการที่จะนําไปสู่การเลือกตั้งได้ถูกคาดหมายไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ปฏิกิริยาของตลาดหุ้นจะชัดเจนขึ้นอีกก็ต่อเมื่อสามารถคาดการณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นถึงผลการเลือกตั้งและหน้าตาของรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไร และมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน
หากนักลงทุนประเมินว่าการเลือกตั้งจะมีผลต่อการลงทุน ดังนั้นควรเตรียมแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับบรรยากาศที่เหลือไม่เกินสามเดือน โดยจากผลการศึกษาผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนและหลังวันเลือกตั้งที่ดีที่สุดในปี 2544-2562 พบว่า
- ดัชนีหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งเฉลี่ย 3.90%
- ก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.09%
- หลังการเลือกตั้งไปแล้ว 1 สัปดาห์จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.81%
- หลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.55%
สำหรับหุ้นกลุ่มที่มักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดโดยรวมในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มไอซีที สื่อและสิ่งพิมพ์ พาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9.40%, 7.80%, 6.40%, 5.50% และ 5.20% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปัจจัยการเมืองจะมีผลต่อการลงทุน แต่ก็เป็นปัจจัยระยะสั้น ดังนั้น นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน เพราะราคามีโอกาสที่จะปรับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จึงควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจกดดันบรรยากาศการลงทุนร่วมด้วย เช่น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือปัจจัยภายนอกที่ถ่วงเศรษฐกิจโลก โดยให้พิถีพิถันในการเลือกหุ้น โดยเน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และใช้เพื่อสำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา : SETinvestnow นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เคแบงก์ ไพรเวท แบงกิ้ง’ แนะลงทุนหุ้นผลตอบแทนดี ผ่าน ‘K-CHANGE’
- ต้องเคลียร์เอง! ‘อาคม’ ลั่น 2 อธิบดีต้องชี้แจงเรื่องซื้อขายหุ้น ‘บางจาก’
- หุ้นไทยวันนี้ปิดร่วง 6.62 จุด ต่างชาติขายอีก 1.7 พันล้าน คาดสัปดาห์หน้ายังซึม!