10 หุ้น มูลค่าสูงสุด ในไทย ประจำปี 2565คิดเป็นมูลค่าถึง 6.5 ล้านล้านบาท หรือกว่า 30% ของมูลค่ารวมทั้งหมดแล้ว
หุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดในไทยของมี 2565 มีบริษัทอะไรบ้าง มาจากกลุ่มธุรกิจไหน และมีขนาดใหญ่แค่ไหน ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทย มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกันประมาณ 20 ล้านล้านบาท แต่รู้ไหมว่าถ้านับเฉพาะหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรก ก็คิดเป็นมูลค่าถึง 6.5 ล้านล้านบาท หรือกว่า 30% ของมูลค่ารวมทั้งหมดแล้ว
มูลค่าสูงสุด 10 หุ้น ประจำปี 2565
เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นบทสรุปส่งท้ายปีนี้ เราจึงได้อัปเดตท็อป 10 หุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด ซึ่งครองกระดานหุ้นไทยของปี 2565 ดังนี้ (อ้างอิงข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2565)
1. AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 1,049,999 ล้านบาท
ผู้ดำเนินธุรกิจท่าอากาศยาน 6 แห่งของประเทศไทย ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งให้บริการเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
2. PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 892,594 ล้านบาท
บริษัทพลังงานแห่งชาติที่ดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมีการลงทุนผ่านกลุ่มบริษัทในเครือ ได้แก่ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว ธุรกิจปีโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปการ ธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจให้บริการ
3. DELTA บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 855,704 ล้านบาท
ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้
4. PTTEP หรือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 684,822 ล้านบาท
ผู้นำในธุรกิจด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจขนส่งก๊าซทางท่อในต่างประเทศ และการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่อง
5. GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 636,523 ล้านบาท
ประกอบธุรกิจในรูปแบบ Holding Company ที่มุ่งเน้นลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน โทรคมนาคม และดาวเทียม เป็นต้น
6. CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 592,885 ล้านบาท
ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven พร้อมทั้งลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ อาทิ ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี่ ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ เป็นต้น
7. ADVANC หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 550,229 ล้านบาท
ผู้นำด้านการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ตลอดจนธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส
8. BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 444,976 ล้านบาท
ผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของประเทศ ภายใต้โรงพยาบาล 6 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ, กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลบี เอ็น เอช, กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท, กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล
9. MAKRO หรือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 404,697 ล้านบาท
ผู้นำธุรกิจค้าส่งแบบ B2B (Business to Business) ภายใต้ “แม็คโคร” และผู้นำธุรกิจค้าปลีกแบบ B2C (Business to Consumer) ภายใต้ “โลตัส”
10. SCC หรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
มูลค่าหลักทรัพย์ 399,600 ล้านบาท
ประกอบธุรกิจในรูปแบบ Holding Company ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘IRPC’ เหมาะลงทุนรับปันผลสูง หลังประกาศแผนอัพฐานธุรกิจ
- ‘ปตท.-ไออาร์พีซี’ ร่วมหนุนลงทุน-พัฒนา ‘Advanced Business Integration’ มุ่งเพิ่มรายได้ธุรกิจใหม่
- หุ้นไทยก็ไม่รอด! ‘เจพี มอร์แกน’ มอง ‘หุ้นอาเซียน’ ผันผวนหนักปี 66
