Stock

วิเคราะห์หุ้นค้าปลีก ‘CPALL-MAKRO’เด่น!

หุ้นกลุ่มค้าปลีก (Commerce) กำลังมีปัจจัยบวกจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่คึกคัก และการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟิ้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากดัชนีชี้วัดภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มค้าปลีก และดัชนีราคาเกษตรกร  อยู่ในทิศทางที่เป็นบวก

จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 5.55% จากช่วงปีก่อน และถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 5.8 – 5.9% เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้าประเภทอาหารสด ผัก ผลไม้ รวมถึงราคาเนื้อสัตว์ เช่น ไข่ไก่ และเนื้อหมู จากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย

ทั้งนี้ CPI เฉลี่ยในงวด 11 เดือนของปีนี้ (มกราคม – พฤศจิกายน) อยู่ที่ 6.1% ดังนั้น จึงคาดว่าตัวเลข CPI ณ สิ้นปี 2565 จะยังอยู่ในกรอบคาดหมายของภาครัฐที่ 5.5 – 6.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง
ทำให้แรงกดดันจากภาระต้นทุนที่สูงขึ้นเริ่มมีทิศทางที่คลี่คลายลงนั่นเอง

cpall makro 1 e1671243064505

นอกจากตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อต้นทุนของธุรกิจแล้ว ยังมีดัชนีชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปัจจัยหนุนต่อกำลังซื้อในอนาคต ดังนี้

1.  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) ที่มีตัวเลขฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจาการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย และการใช้ชีวิตประจำวันทำได้เป็นปกติมากขึ้น
2.  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) ได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยมีกิจกรรมจากการท่องเที่ยวสนับสนุน ความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และความถี่ในการใช้บริการเพิ่มขึ้น
3. ดัชนีรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับดัชนีราคาสินค้าเกษตร ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากรองรับราคาต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่ม โดยคาดกลุ่มเกษตรกรยังเป็นส่วนสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อ

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่าปัจจัยบวกดังกล่าวจะส่งผลดีต่อ ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกในไตรมาส 4/2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบจากไตรมาส 3/2565 ที่ +15% จากปีก่อน ทั้งนี้ ตัวเลขที่รวบรวมจากผู้ประกอบการ พบว่า SSSG (ตุลาคม – พฤศจิกายน) เฉลี่ยของกลุ่มเป็นบวกอยู่ที่ระดับ 5 – 7% จากปีก่อน สะท้อนว่ากำลังซื้อยังเติบโตได้ดี

บริษัทที่สามารถทำ SSSG ได้ดี และมากกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม ได้แก่ CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) +12 – 15% MAKRO หรือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) +7 – 9% และ CRC หรือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) +7 – 9% เป็นผลจากกำลังซื้อในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ฟื้นตัวจากการจัดกิจกรรมได้เป็นปกติ และการเข้าสู่ช่วง High season

CPALL กำไร

จึงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก “มากกว่าตลาด” คาดว่าไตรมาส 4/2565 ยังคงเป็นไตรมาสที่ดี จากการจัดกิจกรรมปีใหม่ และเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยว รวมถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่งผลไปยัง SSSG ที่เป็นบวกต่อเนื่อง ขณะที่ปี 2566 คาดเห็นการเติบโตของผลประกอบการของกลุ่มมากขึ้นในช่วงต้นปี โดยมีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน และช้อปดีมีคืน

พร้อมแนะนำ 2 หุ้น Top Pick กลุ่มค้าปลีก โดยคัดเลือกจาก SSSG ในไตรมาส 4/2565 จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม และมีอัตราการเติบโตของผลประกอบการในปี 2566 มากกว่ากลุ่ม ได้แก่

หุ้น CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 75 บาทต่อหุ้น คาดกำไรปกติปี 2566 อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท เติบโต 38%

CPALL กำไร

หุ้น MAKRO หรือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 48 บาทต่อหุ้น คาดกำไรปกติปี 2566 13,000 ล้านบาท เติบโต 60%

ถือเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนเต็มที่ ทำให้บรรยากาศการลงทุนเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ใครที่สนใจหุ้นค้าปลีก ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องพิจารณาและระวังให้ดี นั่นคือจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นรวดเร็วรวมไปถึงภาระต้นทุนที่ยังสูง ซึ่งกดดันความสามารถในการทำกำไร

หุ้น CPALL

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน