รู้ก่อนรับ “ภาษีมรดก” แจกแจง 5 ประเภททรัพย์สินมรดกที่ต้องจ่ายภาษี ตาม พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พร้อมวิธีคำนวณฉบับเข้าใจง่าย ที่นี่
ภาษีมรดก เรื่องที่ผู้มีจะได้รับมรดก ควรศึกษาและทำความเข้าใจ พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และไม่เข้าใจผิดจนต้องเสียภาษีทั้งที่ไม่จำเป็น
พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก ระบุความหมายของภาษีมรดกไว้ว่า เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ได้รับมรดกที่มีมูลค่าสุทธิรวมเกิน 100 ล้านบาท มีชื่อเรียกแบบเต็มว่า ภาษีการรับมรดก โดยทรัพย์สินมรดกที่จะต้องเสียภาษีมีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่
- อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านหรือที่ดิน
- หลักทรัพย์ เช่น ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตร
- เงินฝาก
- ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน เช่น รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์
- ทรัพย์สินทางการเงินอื่น ๆ
สำหรับอัตราค่าเก็บภาษีมรดกแบ่งออกเป็น 5% และ 10% ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรตั้งไว้ ดังนี้
- บุคคลทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือด เสียภาษี 10%
- พ่อแม่ เสียภาษี 5%
- ปู่ ย่า ตา ยาย เสียภาษี 5%
- ผู้สืบสันดาน เสียภาษี 5%
ทั้งนี้ ผู้ได้รับมรดก จะต้องเสียภาษีเมื่อทรัพย์สินมรดกที่ได้รับ มีมูลค่าสุทธิเกิน 100 ล้านบาท โดยเสียภาษีมรดกในอัตราภาษีคงที่ และแบ่งออกเป็น 2 อัตราดังที่ระบุไว้
กรณีใดบ้างที่ได้รับการยกเว้นภาษี
- กรณีที่ผู้ได้รับมรดกเป็นสามีหรือภรรยาของผู้ให้มรดก และได้มีการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้นั้น จะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีมรดก
- หากยกมรดกให้กับหน่วยงานของรัฐ มรดกนั้นจะได้รับการยกเว้นภาษี
วิธีการคำนวณภาษี
การคำนวณภาษีมรดกในอัตราคงที่ 5% กรณีบุพการีและผู้สืบสันดาน
ขั้นตอนที่ 1 คำนวณหามูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี
สูตร มูลค่ามรดกสุทธิ-100 ล้านบาท = มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี
ตัวอย่าง
นาง ก. ผู้ซึ่งเป็นมารดาของเจ้าของมรดก ได้รับมรดกเป็นที่ดินมูลค่าสุทธิ 150 ล้านบาท โดยที่เจ้าของมรดกไม่มีหนี้สินใด ๆ มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี คือ 150,000,000-100,000,0000 = 50,000,000 บาท
ขั้นตอนที่ 2 คำนวณหาภาษีมรดก
สูตร มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี x อัตราภาษีคงที่ 5% = ภาษีมรดก
ตัวอย่าง
จากมูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษีของนาง ก. คือ 50 ล้านบาท นาง ก. ต้องเสียภาษีมรดกอัตราคงที่ 5% จะเท่ากับ 50,000,000 x 5% = 2,500,000 บาท
สรุปได้ว่า นาง ก. จะต้องเสียภาษีมรดกเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,500,000 บาท
การคำนวณภาษีมรดกในอัตราคงที่ 10% สำหรับบุคคลทั่วไป
ขั้นตอนที่ 1 คำนวณหามูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี
สูตร มูลค่ามรดกสุทธิ-100 ล้านบาท = มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี
ตัวอย่าง
นาย ข. ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเจ้าของมรดก ได้รับมรดกเป็นที่ดินมูลค่าสุทธิ 150 ล้านบาท โดยที่เจ้าของมรดกไม่มีหนี้สินใด ๆ มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี คือ 150,000,000 – 100,000,0000 = 50,000,000 บาท
ขั้นตอนที่ 2 คำนวณหาภาษี
สูตร มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี x อัตราภาษีคงที่ 10% = ภาษีมรดก
ตัวอย่าง
จากมูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษีของนาย ข. คือ 50 ล้านบาท นาย ข. ต้องเสียภาษีมรดกอัตราคงที่ 10% จะเท่ากับ 50,000,000 x 10% = 5,000,000 บาท
สรุปว่า นาย ข. จะต้องเสียภาษีมรดกเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาท
การชำระภาษี
ผู้ได้รับมรดกมูลค่าสุทธิเกิน 100 ล้านบาท จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดก (ภ.ม.60) โดยสามารถพิมพ์จากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร และดำเนินการชำระภาษีภายใน 150 วันนับแต่วันที่ได้รับมรดก ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาแห่งใดแห่งหนึ่ง
กรณีที่ไม่สามารถจ่ายภาษีเต็มจำนวนได้
กฎหมายจึงอนุโลมให้ผู้ได้รับมรดก ยื่นเรื่องผ่อนชำระการจ่ายภาษีมรดกได้สูงสุดถึง 5 ปี และถ้าสามารถจ่ายภาษีจนหมดภายในเวลา 2 ปี จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มเติม
การเรียกคืนภาษีมรดก
กรณีที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีมรดก หรือจ่ายเกินจำนวน ผู้จ่ายภาษีจะต้องยื่นคำร้องขอคืนภาษีการรับมรดก โดยใช้คำร้องขอคืนเงินภาษีอากร (ค.10) ภายใน 5 ปีนับแต่วันชำระภาษีทั้งหมด
ในการยื่นเรื่องต้องยื่นคำร้อง พร้อมเอกสาร 3 อย่าง คือ ใบเสร็จรับเงินภาษีการรับมรดก หลักฐานแสดงการเสียภาษีการรับมรดกไว้เกิน และหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ขอคืน
บทลงโทษสำหรับผู้เลี่ยงภาษี
หากผู้ได้รับมรดกไม่ยื่นภาษีโดยเหตุสมควร มีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าจากภาษีที่ต้องจ่าย
ผู้ได้รับมรดกยื่นภาษีแต่ไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงตามความเป็นจริง ต้องเสียเบี้ยปรับอีก 5 เท่าของภาษีที่ต้องจ่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก: ddproperty.com
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็คสิทธิลดหย่อน ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2565 มีอะไรบ้าง เตรียมพร้อมไว้เลย
- ‘เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง’ แนะลูกค้า เร่งวางแผนภาษี รับมือ ‘แชร์ข้อมูลภาษี’ ระหว่างประเทศ
- เช็กที่นี่!! ลดภาษีรถรับจ้าง 90% กรมขนส่งฯ เผย อัตราภาษีหลังปรับลดแล้ว