นักลงทุนรุ่นใหม่ ชี้เทรนด์การลงทุน ทองคำ น้ำมัน ราคาขึ้น จากความขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน ขณะที่ บิทคอยน์ยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน
นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ทองคำ มีโอกาสจะเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ดีในปีนี้ เนื่องจากโลกมีความเสี่ยงเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างประเทศตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ประเมินว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เกิดขึ้น จะเป็นปัจจัยเสี่ยงในระยะยาว แม้ว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายได้ แต่ทั่วโลกจะหันมาจับตาการเคลื่อนไหวของรัสเซียหลังจากนี้
นอกจากนี้ ยังมองว่า ประเด็นของรัสเซียกับยูเครน น่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ปัญหาความขัดแย้งของโลก ความไม่ลงรอยของกลุ่มผู้นำประเทศ เดินหน้าเข้าสู่ภาวะตึงเครียด ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปอีกนาน
ขณะที่ผลการโหวตในสหประชาชาติ ยังสะท้อนให้เห็นว่า โลกถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายสหรัฐอเมริกา ที่มี NATO เป็นแกนนำกับฝั่งทางรัสเซีย ขณะที่ จีน ยังมีประเด็นอ่อนไหวของไต้หวันที่รอจะเกิดขึ้นอีก
สงครามรัสเซีย-ยูเครน โอกาสลงทุน ทองคำ ราคาพุ่งต่อ
การลงทุน ทองคำ จึงเป็นสินทรัพย์ที่ทุกฝ่ายมองแล้วว่าเป็นตัวเลือกปลอดภัยอันดับที่หนึ่ง หากโลกเข้าสู่ภาวะไม่แน่นอนและน่าจะเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ด้วย
ประกอบกับ ทองคำ ยังมีประเด็นเรื่องของการเป็นสินทรัพย์ ที่สามารถบริหารความเสี่ยงกับอัตราเงินเฟ้อได้ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) นำปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ มาใช้ในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยช้าลงกว่าที่คาด
อีกทั้ง ทองคำ ยังมีโอกาสได้รับปัจจัยหนุนจากเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับสูง จากราคาน้ำมันที่ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย
ด้านปัจจัยทางเทคนิค ราคาทองคำ ได้ทะลุกรอบราคาแนวโน้ม Sideway ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วออกมาได้ หากราคาไม่ลงมาต่ำกว่าระดับ 1,840 ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังถือว่าเป็นเพียงแค่การย่อตัวเพื่อที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 2,077 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีโอกาสที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้
ในส่วนของผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (YTD) พบว่า ทองคำ ปรับตัวขึ้น 7.8% ขณะที่ น้ำมัน เป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนมากที่สุดตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ปรับตัวขึ้นกว่า 50% แล้ว
นายณพวีร์ กล่าวถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลว่า ราคาบิทคอยน์มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นในระดับสูง จึงไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง แต่ถูกจัดให้เป็น Risky Asset มากกว่า สังเกตว่า หากตลาดหุ้นทั่วโลกถูกเทขาย บิทคอยน์จะได้รับแรงกดดันไปด้วย
สำหรับแนวรับสำคัญที่ต้องจับตาคือ จุดต่ำสุดของรอบนี้ที่ 33,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าไม่หลุดจากระดับนี้ ราคาบิทคอยน์จะยังคงเคลื่อนตัวในกรอบแบบ Sideway
ในระยะสั้น หากความตึงเครียดระหว่างระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงอยู่ ราคาบิทคอยน์คงไม่กลับมาเป็นขาขึ้น ยกเว้นแต่ว่ารัสเซียจะหันมาใช้งานบิทคอยน์อย่างจริงจัง แต่หากบิทคอยน์ถูกนำมาใช้เป็นระบบการเงินทางเลือกในภาวะสงครามดังกล่าว ก็น่าจะเป็นการเสริมปัจจัยพื้นฐานบิทคอยน์ที่ดีขึ้นในระยะยาว
เมื่อมองถึง ตลาดหุ้น เชื่อว่า ยังคงน่าลงทุน เพียงแต่ต้องรอให้ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน มีทางออกที่ชัดเจนเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการสงบศึก หรือ มีฝ่ายแพ้-ชนะ ที่ชัดเจน
ที่ผ่านมา การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น เป็นเพียงปัจจัยเชิงจิตวิทยา หากเลือกลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาวได้ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังไวรัสโควิด เช่น กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว
สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ คือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) วันที่ 16 มีนาคมนี้ ที่เดิมคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50% ในครั้งเดียว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะขึ้นเพียงแค่ 0.25% รวมถึงความคิดเห็นจากประธาน FED ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ทิศทางราคาของแต่ละสินทรัพย์ต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ราคาทองวันนี้ 7 มี.ค. เปิดตลาดพุ่ง 450 บาท รูปพรรณ 31,200 บาท
- ‘กาละแมร์’ เห็นทองราคาขึ้นรีบขนไปขาย ขากลับก็ใช้กระเป๋าเดินทางขนเงินไปเลยสิคะ!
- ‘YLG’ ประเมินราคาทองคำปีนี้ทรงตัว แม้เผชิญปัจจัยกดดันเพียบ!