Finance

ปีแห่งการล้มละลาย ของ ‘ตลาดคริปโต’

ปีแห่งการล้มละลายของ “ตลาดคริปโต” ทำเอานักลงทุนหลายคนเจ็บปวดแสนสาหัสทีเดียว นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ที่ราคา Bitcoin ขึ้นไปทำ All-Time High ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ หรือ ราว 2.4 ล้านบาท 

ตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีแห่งรถไฟเหาะ ขึ้นเร็วลงแรงของ ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือโลกสินทรัพย์ดิจิทัล ทำเอานักลงทุนหลายคนเจ็บปวดแสนสาหัสมากทีเดียว เพราะนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ที่ราคา Bitcoin ขึ้นไปทำ All-Time High ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ หรือ ราว 2.4 ล้านบาท หลังจากนั้นตลาดคริปโตก็เจอมรสุมลูกใหญ่หลายระลอก และเข้าสู่ขาลงอย่างชัดเจน

สะท้อนออกมาจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลในช่วง 1 ปีที่ผ่าน (1 ม.ค.-15 ธ.ค. 2565) ต่างอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เช่น Bitcoin (BTC) ลดลง 62.20% Ethereum (ETH) ลดลง 65.4% หรือแม้แต่เหรียญสัญชาติไทยอย่าง Bitkub Coin (KUB) ก็ปรับลดลง 17.7%

แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ เช่นกัน แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า อีกส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่สูญหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะตลาดคริปโตโดนเจาะจุดอ่อนที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึง จนล้มครืนเป็นโดมิโน่ อย่างที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้

ตลาดคริปโต

จุดเริ่มต้นแรกของการล้มละลาย คือกรณีของเหรียญ LUNA ที่โดนโจมตีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 โดยอาศัยช่องโหว่ของกลไกตรึงราคาของเหรียญ LUNA และ TerraUSD (UST) ซึ่งมีผู้เทขายเหรียญ UST เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิด Panic Sell

เหรียญ LUNA มูลค่าหายไปกว่า 99.99% อีกทั้งวิกฤตินี้ยังลุกลามไปถึงสถาบันการเงิน และกองทุนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนเกิดการขาดสภาพคล่อง และมีการแห่ถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ม

ผลกระทบที่ตามมาคือ มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตยื่นขอล้มละลายติด ๆ กัน อาทิ 3AC, Voyager Digital, Celsius ล่าสุดอย่าง FTX ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เคยมีมูลค่าการซื้อขายเป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้ตลาดคริปโตทั่วโลกสั่นคลอนไปทั้งระบบ และยังไม่มีบทสรุปว่า เอฟเฟ็กต์รอบนี้จะลุกลามไปถึงไหนบ้าง

จุดที่ทุกคนต่างจับตามองนั่นคือ สถานการณ์อันน่าเป็นห่วงของ Binance ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก

ตลาดคริปโต

หันกลับมามองที่ตลาดในประเทศไทยบ้าง ก็จะเห็นว่ายับเยินไม่แพ้กัน เพราะ 2 แพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง Bitkub และ Zipmex Thailand ล้วนเจอกับปัญหาที่หนักหนา

เริ่มด้วย Zipmex Thailand ที่ถูกระงับการถอนเงินบาท และคริปโตชั่วคราวในแอปพลิเคชัน ZipUp+ ขณะที่ Bitkub ก็เจอการล้มดีลของ SCBX ในการซื้อขายหุ้น บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด จนหลุดตำแหน่ง “Unicorn Startup” ไปโดยปริยาย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการสรุปปมปัญหาต่าง ๆ ของตลาดคริปโตตลอดทั้งปี 2565 ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน หรือใครจะเรียกว่าเป็น 1 ปีจากจุดสูงสุดสู่สามัญก็ว่าได้

คำถามก็คือ แล้วตลาดคริปโตในปี 2566 จะเป็นอย่างไรต่อไป

เบนจามิน โคเวน ซีอีโอ ของ The Cryptoverse ได้วิเคราะห์ โดยเปรียบเทียบแพทเทิร์นของกราฟในปี 2561 กับของปัจจุบัน ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ ที่ช่วงเวลาของ “การยอมจำนน” ซึ่งในอดีตเคยเป็นจุดต่ำสุดของ Bitcoin ก่อนจะเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดกระทิงรอบถัดไป

นอกจากนี้ จากประวัติศาสตร์ Bitcoin จะอยู่ในตลาดหมีประมาณ 1 ปี เช่น ตลาดหมีในปี 2557 ยาวนาน 14 เดือน และอีกครั้งในปี 2561 ยาวนาน 12 เดือน ซึ่งนักลงทุนจะเริ่มกลับมาเก็บสะสมอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความหวังก็อาจนำมาซึ่งความผิดหวัง นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนให้รัดกุมไม่ว่าตลาดคริปโตจะหันไปทางไหน การกระจายความเสี่ยง และบริหารจัดการเงิน คือหัวใจสำคัญของการลงทุน

ตลาดคริปโต

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน