Stock - Finance

เปิดโพยหุ้นรับอานิงส์ เก็งทิศทาง ‘บาทอ่อนค่า’

บล.กสิกรไทยเปิด 3 หุ้นเด่น ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลดีต่อผู้ประกอบธุรกิจส่งออก 

เงินอ่อนค่า หมายถึงการที่มูลค่าเงินสกุลหนึ่งมีมูลค่าลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินอีกสกุลหนึ่ง หากในกรณีที่ “เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์” ก็แปลว่าเงินบาทจำนวนเท่าเดิมแลกเงินดอลลาร์ได้น้อยลง ในทางกลับกันคนที่ถือเงินดอลลาร์จะสามารถนำมาแลกเงินบาทได้มากขึ้น

โดยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานความเคลื่อนไหวว่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือนที่ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับภาพรวมการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค

นอกจากนี้ เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามค่าเงินเยน หลังผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาด ทั้งในส่วนของการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นมาที่กรอบ 0.0-0.1% และการยุติ Yield Curve Control

เงินบาทอ่อน

ในฝั่งของค่าเงินดอลลาร์เองก็ได้รับแรงหนุนหลังผลการประชุม Fed ที่มีการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ แต่มุมมองของ Fed Dot plot ยังคงสะท้อนโอกาสของการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งไว้ตามเดิม

ทั้งนี้ มุมมองในระยะถัดไป 25-29 มีนาคม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.00-36.90 บาทต่อดอลลาร์ ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออก และรายงานเศรษฐกิจและการเงินของไทย

3 หุ้นได้ประโยชน์ เงินบาทอ่อนค่า

มุมมอง บล. กสิกรไทย คาดว่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 ปี 2567  ส่งผลดีต่อผู้ประกอบธุรกิจส่งออก และบริษัทที่มีสินทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงแนะนำ “ซื้อ” 3 หุ้นเด่น ดังนี้

1. หุ้น THCOM หรือ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17.26 บาทต่อหุ้น

แนวโน้มการเติบโตในช่วงต้นปี 2567 ของหน่วยงานด้านโทรคมนาคมในประเทศลาว อนุญาตให้กลุ่มโทรคมนาคมปรับค่าบริการตามอัตราเงินเฟ้อ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม โดย LTC ประกาศปรับค่าบริการขึ้น 30% ซึ่งคาดจะค่อยๆ ช่วยลดส่วนแบ่งผลขาดทุนที่มีต่อ THCOM ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป

จึงแนะนำให้นักลงทุนมุ่งเน้นไปยังความคืบหน้าของลูกค้าใหม่ที่เซ็นสัญญามากกว่ากำไรสุทธิในระยะสั้น ราคาหุ้นขณะนี้ซื้อขายด้วย PBV ปี 2567 ที่ 1.16 เท่า ขณะที่บริษัทอยู่ในสถานะเงินสดสุทธิที่ 3.81 บาทต่อหุ้น

2. หุ้น BTG หรือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.40 บาทต่อหุ้น

คงราคาเป้าหมายเดิมที่ 24.4 บาทต่อหุ้น คำนวณด้วย PER ปี 2567 ที่ 23 เท่า ซึ่งเท่ากับ 1S.D. มากกว่า PER เฉลี่ยในอดีตของกลุ่มอาหาร แต่คาดว่าด้วยกำไรสุทธิฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 1/2567 จากราคาไก่และสุกรในประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนให้กำไร จากการดำเนินงานในประเทศไทยพลิกฟื้นขึ้น ในขณะเดียวกันการขนส่งที่หยุดชะงักลงในทะเลแดงส่งผลให้คำสั่งซื้อจากลูกค้าสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นในระยะสั้น

เงินบาทอ่อน

3. หุ้น SAPPE หรือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 101.90 บาทต่อหุ้น

มีปัจจัยหนุนตัวคูณมูลค่าหุ้นคาดจะมาจาก

1. แนวโน้มการเติบโตในไตรมาส 1/2567 ที่แข็งแกร่งขึ้นจากยอดขายที่มากขึ้นและค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง

2. ราคาน้ำตาลที่ลดลงจากกาประกาศของบริษัท

3. ปัญหาด้านการขนส่งที่บรรเทาลง

4. มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง

ทั้งหมดนี้ก็เป็นมุมมองการลงทุนใน 3 หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาท ประกอบกับเป็นกลุ่มบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน