Stock - Finance

นักวิเคราะห์มองแผนเติบโต ‘KBANK’ เร่ง ‘ROE’ กลับสู่เลข 2

เจาะแผนเติบโต “KBANK” เร่ง ROE กลับสู่เลข 2 ด้วยกลยุทธ์ 3+1 เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ต่อแผนธุรกิจ “KBANK”

ในช่วงที่ผ่านมา KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดแผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของปี 2567 โดยมีเป้าหมายสำคัญที่ผลักดัน ROE (Return on Equity) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ให้มากกว่า 2 หลักภายในปี 2569 (ปัจจุบัน ROE ของ KBANK อยู่ที่ประมาณ 8%) ด้วยมาตรการเชิงรุก ภายใต้กลยุทธ์ 3+1

กลยุทธ์

กลยุทธ์ 3+1 ของ KBANK

ส่วนที่ 1 คือ ทบทวนการปล่อยสินเชื่อ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง และให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด

ส่วนที่ 2 คือ ขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม   (Non-NII) ผ่านธุรกิจให้คำปรึกษา และ แบงก์แอสชัวรันส์ (Bancassurance) โดยการเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายผ่านดิจิทัล

ส่วนที่ 3 คือ ปรับปรุงโมเดลการขายและการให้บริการ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้

สุดท้ายในส่วนของ +1 คือ การเพิ่มช่องทางในการหารายได้ใหม่ๆ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว ผ่านบริษัทในเครือ ตลอดจนช่องทางสร้างรายได้ที่มาจากต่างประเทศอีกด้วย

โดยสรุป KBANK จะมุ่งเน้นให้สินเชื่อโตอย่างมีคุณภาพ และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ซึ่งตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 3-5% ในปี 2567 นำโดยสินเชื่อธุรกิจ โต 2-4% ขณะที่สินเชื่อ SME และรายย่อย โต 1-2% โฟกัสสินเชื่อที่มีคุณภาพ กลุ่มที่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจ รวมไปถึงสินเชื่อในต่างประเทศ

นอกจากนี้ ตั้งเป้ารักษาระดับส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย (NIM) ให้ทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 ที่ประมาณ 3.7% บนสมมติฐานที่ไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโต 5-8% นำโดยแบงก์แอสชัวรันส์ การบริหารความมั่งคั่ง และค่าธรรมเนียม FX

กลยุทธ์

กลยุทธ์

มุมมองนักวิเคราะห์ต่อแผนธุรกิจ KBANK

บทวิเคราะห์ บล. หยวนต้า ระบุว่าการที่ KBANK ตั้งเป้า ROE กลับสู่เลข 2 หลักภายในปี 2569 โดยมีแกนหลักจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมถึงการขยายธุรกิจธนาคารไปยังประเทศในกลุ่ม AEC+3 และนโยบายปันผลของบริษัทตั้งเป้าจ่ายไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิ ปัจจุบันไม่มีประเด็นเรื่องเงินกองทุน Tier 1 และ BIS Ratio ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

จึงค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกราคาหุ้น KBANK ที่แม้ว่าจะปรับตัวลงมาหลังประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 4/2566 จากประเด็นลบเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลงของลูกหนี้รายใหญ่ อย่างไรก็ดี บริษัทได้ตั้งสำรองไว้เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยง ทำให้เราคาดจะเห็นทิศทางการตั้งสำรองที่น้อยลงตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 เป็นต้นไป ปัจจุบันราคาหุ้น KBANK ปรับลงจนมี Upside 32.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2567 เดิมที่ 162 บาท และคาดให้ปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งหลังของปี 2566 อีกหุ้นละ 3.5 บาท คิดเป็น Div. Yield 2.9% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” KBANK

ด้านมุมมองของ บล. กรุงศรี เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า ราคาเป้าหมายตาม consensus ของ KBANK อยู่ที่ 148.50 บาทต่อหุ้น โดยมีนักวิเคราะห์ 8 รายแนะนํา “ซื้อ” และอีก 5 ราย แนะนํา “ถือ” ส่วนความเห็นของ บล. กรุงศรี ยังคงมอง “Neutral” กับ KBANK เนื่องจากคาดว่ากําไรอาจจะลดลงในปีนี้ เพราะมี downside จาก credit cost และ NPLs ส่งผลให้ไม่มี upside ต่อ ROE ในระยะสั้น และ valuation อาจลดความน่าสนใจลง

สุดท้ายเป็นมุมมองของ บล. ฟิลลิป ที่กล่าวถึงเปิดแผนธุรกิจปี 2567 ของ KBANK ตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 3–5% รักษาระดับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 แต่จะยังมีการตั้งสำรองสูงอยู่จากความไม่แน่นอน จึงยังแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 139 บาทต่อหุ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน