คืบหน้าไปอีกขั้นสำหรับดีลการควบรวม เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นระหว่าง BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ใน ESSO หรือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 65.99% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของเอสโซ่
ล่าสุด คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) พิจารณาคำขออนุญาตรวมธุรกิจ โดยเห็นว่าการรวมธุรกิจดังกล่าวมีความจำเป็นตามควรทางธุรกิจ และเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สำคัญอันควรมีควรได้ของผู้บริโภคส่วนรวม
ควบรวมธุรกิจ 2 บริษัท
อย่างไรก็ตาม การรวมธุรกิจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมทั้งห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจาก ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างตลาดในตลาดโรงกลั่นน้ำมัน ตลาดการค้าส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่างๆ และตลาดการค้าปลีกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมผ่านสถานีบริการ จึงมีผลทำให้การกระจุกตัวของตลาดเพิ่มขึ้น ถือเป็นการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่ถึงระดับที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรอนุญาตให้รวมธุรกิจ โดยกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขประกอบการอนุญาตให้รวมธุรกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนี้
1. ห้ามมิให้ BCP เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานภาครัฐ เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
2. ให้ BCP จัดซื้อน้ำมันดิบจากคู่ค้ารายใดรายหนึ่งไม่เกินกว่า 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันดิบจากรายใดรายหนึ่งมากเกินไป ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความมั่นคงทางพลังงาน
3. ให้ BCP คงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญา และข้อตกลงระหว่างลูกค้าในตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ได้ทำไว้กับ ESSO จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาตามเงื่อนไขในสัญญาเดิม
4. ให้ BCP คงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการภายนอกของแบรนด์ ESSO ที่ได้ทำไว้กับ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาตามเงื่อนไขในสัญญาเดิม
5. ให้ BCP จัดทำแผนการพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและธุรกิจพลังงานสีเขียว โดยต้องดำเนินโครงการไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา และต้องมีงบประมาณในการดำเนินโครงการไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ
6. ให้ BCP จัดทำแผนการส่งผ่านประโยชน์ที่ได้รับจากการรวมธุรกิจไปสู่ผู้บริโภคและสังคม โดยต้องดำเนินโครงการไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมาต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ
ก่อนหน้านี้ มุมมองนักวิเคราะห์ บล. พาย ระบุว่า การที่ BCP ประกาศแผนเข้าซื้อหุ้น ESSO จำนวน 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holdings คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ล่าสุดได้เปิดเผยราคาเสนอซื้อหุ้น ESSO ที่ 9.94 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 3.44 หมื่นล้านบาท
โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อดีลนี้ เพราะคาดถึงการเร่งตัวของ EPS ราว 60% และประโยชน์ร่วมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งประโยชน์ร่วมด้านอัตราการดําเนินงานในรูปของกําไรก่อนหักภาษีที่ 2-3 พันล้านบาทต่อปี จึงประเมินอัพไซด์ต่อมูลค่าพื้นฐานสําหรับ BCP ที่ 5-8 บาทต่อหุ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘BANPU-BPP’ และ ‘BCPG’ พร้อมใจปิดดีล ซื้อโรงไฟฟ้าในสหรัฐ
- GULF อัพไซด์กว้าง 30% หลังราคาหุ้นซึมซับข่าวร้ายแล้ว
- ‘สารัชถ์’ เศรษฐีหุ้นไทย ขึ้นแท่นแชมป์ 4 ปีซ้อน รวยทะลุ 2 แสนล้านบาท