‘XBB’ แซงขึ้นครองอันดับ 1 ในการหลบภูมิ แพร่เชื้อ และดื้อยา ศูนย์จีโนมฯ เผยต้องเฝ้าระวัง ‘ไวรัสลูกผสม’ ติดเชื้อรุนแรงกว่าเดิม
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า สหรัฐพบไวรัสลูกผสม XBB หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและแพร่ติดต่อได้ดี เป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา และดื้อต่อยาฉีดแอนติบอดีสำเร็จรูปเกือบทุกประเภท ข้อความดังนี้
โอไมครอนลูกผสม “XBB” แซงโค้งขึ้นครองอันดับหนึ่งในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน การแพร่ติดต่อ และการดื้อต่อยาฉีดแอนติบอดีสังเคราะห์
จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโอไมครอน XBB หนึ่งในสมาชิกกลุ่มซุปโอมิครอน (A soup of omicron subvariants) ในช่วงที่ผ่านมาพบมีกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสโคโรนา 2019 ดั้งเดิม (อู่ฮั่น) มากที่สุดในขณะนี้ คือมากกว่า 100 ตำแหน่ง (ภาพ1)
อันดับ 1 หลบภูมิ แพร่เชื้อ ดื้อยา
และจากการคำนวณร่วมกับการทดลองในห้องปฏิบัติการบ่งชี้ว่า สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและแพร่ติดต่อได้ดี เป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา (ภาพ2) และดื้อต่อยาฉีดแอนติบอดีสำเร็จรูปเกือบทุกประเภท
จากฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) พบสายพันธุ์ย่อย XBB มีการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิดสมาชิกย่อยขึ้นมากมาย (ภาพ3) คือ
- XBB.1.1 (30.56%)
- XBB.1 (23.23%)
- XBB (22.95%)
- XBB.3 (12.43%)
- XBB.2 (6.34%)
- XBB.5 (2.58%) กลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสโคโรนา 2019 ดั้งเดิม (อู่ฮั่น) มากที่สุด คือมากกว่า 120 ตำแหน่ง (ภาพ1)
- XBB.3.1 (0.78%)
- XBB.1.3 (0.60%)
- XBB.4 (0.32%)
- XBB.1.2 (0.21%)
ประเทศที่พบการระบาด
จากฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) เช่นกันพบโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB ระบาดไปทั่วโลก เช่น สิงคโปร์ อินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก แคนาดา อิสราเอล มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา ฯลฯ ยังไม่พบในประเทศไทย
- สิงคโปร์ 980 ราย (10.849 %)
- อินเดีย 563 ราย (1.622%)
- ออสเตรเลีย 227 ราย (0.436%)
- สหรัฐ 197 ราย (0.026%)
- ประเทศอังกฤษ 122 ราย (0.078%)
- ออสเตรีย 112 ราย (0.157%)
- เดนมาร์ก 111 ราย (0.125%)
- บังกลาเทศ 88 ราย (17.495%)
- บรูไน 52 ราย (3.002%)
- อิสราเอล 48 ราย (0.085%)
- เยอรมนี 38 ราย (0.022%)
- แคนาดา 34 ราย (0.040%)
- ญี่ปุ่น 33 ราย (0.022%)
- เบลเยียม 27 ราย (0.094%)
- เกาหลีใต้ 22 ราย (0.058%)
- ฟิลิปปินส์ 20 ราย (0.509%)
- มาเลเซีย 19 ราย (0.224%)
- อินโดนีเซีย 18 (0.132%)
- ฝรั่งเศส 16 ราย (0.015%)
- สวีเดน 12 ราย (0.046%)
- เนเธอร์แลนด์ 11 ราย (0.047%)
- อิตาลี 11 ราย (0.046%)
- สวิตเซอร์แลนด์ 10 ราย (0.081%)
- ฮ่องกง 10 ราย (0.400%)
- กัมพูชา 1 ราย (0.197%) ฯลฯ
ติดเชื้อ 2 สายพันธุ์พร้อมกัน เกิดเป็นไวรัสลูกผสม
ไวรัสโคโรนา 2019 ลูกผสมเกิดขึ้นสืบเนื่องจากในร่างกายผู้ติดเชื้อมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สองสายพันธุ์พร้อมกัน เช่นในกรณีของ “เดลตาครอน” ซึ่งเกิดเป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ “เดลตา” และ “โอไมครอน” เนื่องมาจากในขณะที่มีการสร้างสายจีโนมของลูกหลานไวรัสในเซลล์ติดเชื้อมี “การสร้างจีโนมสายใหม่ข้ามสายจีโนม [template (genome) switching]” ที่ไวรัสใช้เป็น แม่พิมพ์ต้นแบบ
หากในเซลล์นั้นมีไวรัสโคโรนา 2019 เพียงสายพันธุ์เดียวก็ยังเกิด “การสร้างจีโนมสายใหม่ข้ามสายจีโนม” ได้เช่นกัน แต่จะไม่เกิดสายพันธุ์ลูกผสมขึ้น
ตรงข้ามหากในร่างกายของผู้ติดเชื้อมีการติดเชื้อ 2 สายพันธุ์ย่อยขึ้นไป โอกาสที่จะเกิดการสร้างจีโนมสายใหม่ สลับสายจีโนมจนเกิดเป็นไวรัสลูกผสมจะมีสูงขึ้น โดยเฉพาะในการระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ที่ย่างเข้า “ปีที่3” ซึ่งเกิดมีโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติขึ้นพร้อมกันมากกว่า 200 สายพันธุ์ย่อย หรือที่เรียกว่าซุปโอไมครอน (Omicron soup) (ภาพ4-6)
เฝ้าระวังไวรัสลูกผสม เกิดตระกูลใหม่ ที่ติดเชื้อรุนแรงกว่า
การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อ 2 ปีที่แล้วมีโอกาสจะเกิดสายพันธุ์ลูกผสมได้ยาก เพราะการติดเชื้อจะเป็นทีละตระกูลที่ระบาดไปทั่วโลก จากนั้นจะถูกแทนที่ด้วยอีกตระกูลหนึ่ง กล่าวคือ อัลฟา ถูกแทนที่ด้วย เบตา จากนั้น เบตาถูกแทนที่ด้วยแกมมา เดลตา และ โอมิครอน ตามลำดับ
แต่ปีที่ 3 เรากลับพบว่าการเกิดโอไมครอนลูกผสมขึ้นอย่างรวดเร็ว (ภาพ2-3) จำเป็นต้องเฝ้าระวังและควบคุมการระบาด มิให้ลูกผสมเหล่านี้กลายพันธุ์ จนเกิดเป็นตระกูลใหม่ที่ต่างไปจากตระกูลโอมิครอน ซึ่งยากที่จะทำนายว่าตระกูลใหม่ที่จะอุบัติขึ้นมาจากสายพันธุ์ลูกผสม จะมีการติดเชื้อที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นหรือไม่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดร.อนันต์ เผยเคส เจอปริมาณไวรัสโควิด ‘ในน้ำตา’ สูง ชี้ช่องใช้ตรวจหาเชื้อสำหรับเด็ก ไม่ต้องแยงจมูก
- ‘หมอยง’ เตือน! ‘โค วิดระลอกใหม่’ มาแน่ หลังปีใหม่ เตรียมตั้งรับได้แล้ว
- วิจัยรักษาอาการ ‘ลองโค วิด’ ด้วยยาต้านไวรัส สหรัฐทุ่ม 3.7 หมื่นล้านบาท ในโครงการ ‘RECOVER’