เอาแล้วไง! นักวิจัยเผย ‘วัคซีนรุ่น 2’ กระตุ้นภูมิได้ต่ำกว่า ‘สูตรเดิม’ โดยเฉพาะเมื่อเจอ โอไมครอนหนีภูมิเก่งอย่าง BA.2.75.2
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เผยผลการวิจัยเปรียบเทียบ ระดับแอนติบอดียับยั้งไวรัส จาการกระตุ้นด้วยวัคซีนรุ่น 2 ทและวัคซีนสูตรเดิม ที่พบว่าผลออกมาไม่ดีนัก ข้อความดังนี้
วัคซีนเวอร์ชั่น 2 ที่เป็นสูตรผสมระหว่างสไปค์เดิมกับ BA.5 ได้เริ่มใช้กันสักพักแล้วที่สหรัฐอเมริกา ข้อมูลที่มีจะมาจากการศึกษาภายในบริษัท Pfizer หรือ Moderna เพื่อให้ update กับนักลงทุน ซึ่งแน่นอนผลจะออกมาดูดี แต่ข้อเสียคือหลายคนมองว่าข้อมูลอาจมี bias และไม่เป็นกลาง
ผลเปรียบเทียบกระตุ้นเข็ม 4 ระหว่าง วัคซีนรุ่น 2 และสูตรเดิม
เมื่อวานนี้ทีมวิจัยของ Aaron Diamond AIDS research center ของ Columbia University นำโดย Dr. David Ho เป็นทีมแรกที่รายงานผลข้อมูลเปรียบเทียบ ระดับแอนติบอดียับยั้งไวรัส ที่กระตุ้นจากวัคซีน version 2 ในอเมริกันชน ที่ 3 – 5 สัปดาห์ หลังฉีดในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะคนที่กระตุ้นเข็ม 4 ด้วยวัคซีน version เดิม กับ version ใหม่
ทีมวิจัยพบว่าในตัวอย่างที่นำมาเปรียบเทียบกัน ไม่พบว่าวัคซีนสูตรใหม่สามารถกระตุ้นภูมิหรือระดับแอนติบอดี ที่สูงกว่าวัคซีนสูตรเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
โดยเมื่อทดสอบกับไวรัสตัวแทนรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโอมิครอน ระดับแอนติบอดีออกมาเท่ากัน แต่ค่อนข้างต่ำเมื่อทดสอบกับไวรัสหนีภูมิดีอย่าง BA.2.75.2 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ติดเชื้อ BA.4/BA.5 ตามธรรมชาติมา ดูเหมือนระดับแอนติบอดีจากวัคซีน version 2 จะขึ้นได้น้อยกว่าประมาณ 3 เท่า
ร่างกายจำวัคซีนสูตรเดิม ไม่ตอนสนองต่อสิ่งใหม่
ทีมวิจัยระบุว่าการกระตุ้นของ mRNA ที่จำเพาะต่อ BA.5 ได้ไม่ดี อาจเกี่ยวข้องกับ immune imprinting คือ ร่างกายไปจดจำวัคซีนตัวเดิมจนไม่ค่อยตอบสนองต่อสิ่งใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล
แต่ความเห็นส่วนตัวผมมองว่างานวิจัยชิ้นนี้ ยังมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนตัวอย่างที่ไม่มาก และ ไม่มีข้อมูลจากกลุ่มที่เคยติดเชื้อและถูกกระตุ้นด้วยวัคซีนสูตรใหม่
เพราะถ้าผลออกมาดีกว่าสูตรเดิม แสดงว่าการกระตุ้นเข็ม 2 ด้วย version 2 ต่อจากครั้งนี้ จะสามารถช่วยเพิ่มแอนติบอดีจนสร้างความแตกต่างได้ เหมือนกับการฉีดเข็มแรกในกลุ่มคนที่ไม่เคยติดเชื้อ เป็นการ prime ให้เรารู้จัก BA.5 ซึ่งอาจจำเป็นต้อง boost ด้วย BA.5 อีกครั้ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไขคำตอบ! ทำไม ‘ไวรัสอีโบลา’ จึงไม่หายไปจากธรรมชาติ ทั้งที่ไม่พบผู้ป่วยนานแล้ว?
- ‘โควิด’ ดื้อมาก หมอมนูญ เผยเคส ‘เคยป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง’ แต่กำจัดไวรัสในร่างกาย ให้หมดไปไม่ได้
- แย่แล้ว! ผลวิจัย ‘เข็มกระตุ้น’ ช่วง BA.5 ระบาด ภูมิคุ้มกันลดลงเร็ว เหลือเพียง 29% ภายใน 120 วัน
