Politics

เดือด!! ‘รองโฆษกรัฐบาล’ ฟาดกลับ ‘เพื่อไทย’ สนใจแต่พานักโทษกลับบ้าน

“ทิพานัน” ยกยอดใช้จ่าย “คนละครึ่ง” 3.4 หมื่นล้านบาทฟาดกลับ “เพื่อไทย” ชี้ไม่เห็นแก่ประโยชน์ประชาชนกว่า 25 ล้านคน ลั่นสนใจแต่จะพานักโทษหนีคดี 2 คนกลับบ้าน

นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยแสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการ “คนละครึ่ง” ว่าไม่ได้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจว่า โครงการคนละครึ่งที่เฉพาะเฟส 5 ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้มีประชาชนกว่า 26.5 ล้านคนและร้านค้ารายย่อยเกือบ 1 ล้านรายได้ประโยชน์ และผลประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของนักการเมือง แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง

เพื่อไทย
ผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง

ทั้งนี้ เมื่อเอาตัวเลขข้อมูลมาพิจารณา พบว่าตัวเลขผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วม 9.67 แสนราย เป็นผู้ประกอบการรายใหม่เฟส 5 ถึง 2.28 หมื่นราย แสดงถึงร้านค้ารายย่อยเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรง และมีจากข้อมูลล่าสุดคนละครึ่งเฟส 5 ที่มียอดใช้จ่ายสะสมถึง 34,310.23 ล้านบาท (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 ต.ค. 65)

“เห็นได้ชัดว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จจริงในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบและยั่งยืนได้ จึงไม่ใช่โครงการที่เป็นการเสียเงินไปฟรี ๆ ตามที่นายพิชัยแสดงความเห็นแบบไร้ข้อมูล” นางสาวทิพานัน กล่าว

เพื่อไทย
ภาพจากเฟซบุ๊ก Pichai Naripthaphan

ไปอยู่ดูไบมาหรือ?

นางสาวทิพานัน กล่าวอีกว่า การที่นายพิชัยเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้สินมากกว่าโครงการคนละครึ่งนั้น ต้องถามว่า นายพิชัยไปอยู่ดูไบมาหรืออย่างไร ถึงไม่รู้ว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้าเจาะรายบุคคล และประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลังและเจ้าหนี้ 65 ราย ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาล จัดกิจกรรม “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้” ขึ้น เปิดให้ลงทะเบียนทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2565 เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้จากผลกระทบวิกฤติโควิด-19 ปัญหาค่าครองชีพ สามารถแก้ไขหนี้และเริ่มต้นใหม่ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีโครงการสัญจรด้วย ซึ่งทางธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารออมสิน ธ.อ.ส. ธ.ก.ส. และธนาคารกรุงไทย จะจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร” ใน 5 อีกจังหวัด

ส่วนในกรณีลูกหนี้ไม่สามารถเข้าร่วมมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ได้ ก็ยังมีช่องทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ เช่นกรณีหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน สามารถเข้าร่วมโครงการ “คลินิกแก้หนี้” และมีโครงการ “ทางด่วนแก้หนี้” เป็นช่องทางเสริมเพื่อขอรับความช่วยเหลือด้านการชำระหนี้ ในขณะที่ลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจสามรถขอรับคำปรึกษาแก้ไขหนี้ผ่านทางโครงการ “หมอหนี้เพื่อประชาชน” ได้

เพื่อไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้รื้อระบบการคิดดอกเบี้ยให้เป็นธรรมมากขึ้นเพื่อลดภาระความเดือดร้อนจากดอกเบี้ยของลูกหนี้ ในปี 2564 ได้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.7 ให้คิดดอกเบี้ยอัตรา 3% ต่อปี ส่วนดอกเบี้ยผิดนัดคิดอัตรา 5% ต่อปีและคิดจากเงินต้นเฉพาะงวดที่ผิดนัด ไม่ให้คิดจากเงินต้นที่ค้างทั้งหมด และเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 65 ที่ผ่านมาได้ประกาศให้การเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ต้องคิดในอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) แบบลดต้นลดดอก คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด และหากผู้เช่าซื้อจะปิดบัญชีค่าเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อจะต้องให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าซื้อ โดยกรณีชำระค่างวดมาแล้วไม่เกินหนึ่งในสามของค่างวดเช่าซื้อที่ระบุไว้ในสัญญา ให้ได้รับส่วนลดในอัตรา 60-100% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่ายินดีที่นายพิชัยยอมรับเองว่า “ภาวะปัจจุบันซึ่งเศรษฐกิจเริ่มที่จะฟื้นตัว” ซึ่งขณะนี้ดัชนีทางเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ดี สัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มั่นใจว่า จีดีพีปี 2565 จะมากกว่า 3% และรัฐบาลมั่นใจว่าจีดีพีปีนี้จะดีกว่าที่คาดไว้ตามเป้าหมาย ในช่วงสิ้นปีก็ยิ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะมีมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสำหรับการพิจารณาอนุมัติโครงการคนละครึ่งเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ก็จะมีการพิจารณาจากข้อมูลทางเศรษฐกิจและฐานข้อมูลหลายด้านประกอบกัน ไม่ได้นึกเองคิดเองแบบนายพิชัยวิจารณ์โดยที่ไม่เห็นข้อมูลครบถ้วน

“การวิจารณ์ของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เป็นการพูดแบบเลื่อนลอย ไม่มีข้อมูลที่ดีและเพียงพอ พยายามหาช่องตัดเงินประชาชนที่จะได้ใช้จ่ายในยามวิกฤตถึง 25 ล้านคน และยังทำลายความหวังและบรรยากาศการฟื้นตัวของประเทศในช่วงปลายปี จึงอาจทำให้สังคมสงสัยว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับภารกิจพานักโทษหนีคดีทุจริตเพียง 2 คน กลับบ้านเท่านั้นหรือ” นางสาวทิพานัน กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK