ลุ้นพรุ่งนี้! ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องวาระ 8 ปีนายกฯ นายกฯ มอบโฆษกฯ แจงปมนายกฯ 8 ปี วอนทุกฝ่ายยึดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สิ้นสุด ลดการเผชิญหน้า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองให้ “บิ๊กป้อม” รักษาการแทน ส่วน”บิ๊กตู่” ยังร่วมอยู่ใน ครม.ได้ในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 24 สิงหาคม จะเริ่มเวลา 10.00 น. ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นกำหนดการที่สำนักงานฯกำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อพิจารณาคดีอื่นๆ ส่วนคำร้องของ ส.ส. พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่เข้าชื่อยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า สิ้นสุดในวันที่ 23 สิงหาคมนี้หรือไม่ เบื้องต้นทางสำนักงานฯไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาไว้ แต่หลังจากได้รับคำร้องมาแล้ว ทางหน่วยงานหรือฝ่ายคดีจะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดของคำร้องก่อน
จากนั้นจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาว่า จะรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ คาดว่า องค์คณะตุลาการฯจะพิจารณาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นประเด็นที่สำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการมอบหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกลาโหม กรณีปมวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ว่าตามข้อเท็จจริงแล้วเรื่องดังกล่าว ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 จากนี้ไปสิ่งที่ต้องพิจารณาคือศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่รับเรื่องก็สามารถดำเนินการในส่วนที่เป็นปัจจุบัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น ต่อเนื่องไปเป็นการทำงาน แต่ถ้ามีการรับเรื่องดังกล่าว สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการคือ รัฐบาลต้องมีการส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนที่สอง หากมีการพิจารณาและมีการให้นายกรัฐมนตรี ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หมายความว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่รักษาการแทน และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นปกติ โดยในคณะรัฐมนตรียังมี พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมอยู่ใน ครม.ด้วย เนื่องจากยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่หากเป็นกรณีที่ไม่สั่งให้นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ. ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีก็ดำเนินการตามหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
สำหรับคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นในส่วนของฝ่ายการเมือง ในส่วนของฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ ก็มีหน้าที่ จะปฏิบัติไปตามปกติทุกอย่างเพราะการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญไม่กระทบส่วนใดๆต่อการบริหารราชการในปัจจุบัน
นายอนุชา กล่าวว่าแนวทางการพิจารณาที่ผ่านมา มีการพูดคุยกันหลายส่วน ทั้งในส่วนที่เห็นแตกต่างกันไปจากรัฐธรรมนูญปี 2557 และรัฐธรรมนูญปี 2560 ตรงนี้เรียนว่า แนวทางในการพิจารณาแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ
รูปแบบแรก ถ้าเริ่มนับจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 ตามมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2557 ก็จะครบวาระแปดปีในวันที่ 23 สิงหาคม 2565
แนวทางที่สอง ถ้านับว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 คือเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 จะครบวาระแปดปีในวันที่ 8 มิถุนายน 2570
แนวทางสุดท้าย ถ้าเริ่มนับ จากวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 เพราะมีบทเฉพาะกาลในมาตรา 264 ที่ให้ ครม.เก่า เริ่มเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญฉบับ ใหม่ จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ครบ 8 ปี ในวันที่ 5 เมษายน 2568
“คาดว่าจะเป็นตาม 3 แนวทาง ที่เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากที่จะให้เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณาและวินิจฉัย อีกทั้ง นายกรัฐมนตรีก็ได้กล่าวไปแล้วว่า ยินดีที่จะให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ แต่สุดท้ายขอให้ประชาชนทุกคนได้เคารพกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำวินิจฉัยของศาลที่ถือเป็นที่สิ้นสุด ถ้าทุกคนมองภาพในการที่จะเดินหน้าอย่างนี้ต่อไป โดยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางความคิดเห็นของส่วนตัวก็จะไม่เกิดความขัดแย้ง จึงอยากให้ทุกคนได้รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องแนวทางการทำงานก็ได้มีการชี้แจงไปแล้วและในการประชุมคณะรัฐมนตรี ก็ได้มีการรับทราบเช่นกัน” นายอนุชา กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘วิษณุ’ชี้! ศาลสั่ง ‘บิ๊กตู่’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ‘บิ๊กป้อม’ รักษาการนายกฯ
- ตำรวจ พร้อมรับมือ ‘ม็อบไล่บิ๊กตู่’ นายกฯ เปลี่ยนเส้นทางเข้าทำเนียบ
- อดีตตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ คาดวินิจฉัยปม ‘นายกฯ 8 ปี’ เร็วสุด 2 เดือน
