ใครบ้าง? ได้ ‘ยาโมลนูพิราเวียร์’ สธ.แจง ผู้ติดเชื้อไม่จำเป็นต้อง กินยาต้านไวรัสทุกคน แม้แต่กลุ่ม 608 ยาคงคลังมีพอ อย่าซื้อยากินเอง อันตรายมาก
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการจัดหายารักษาโรคโควิด 19 จำนวน 4 รายการ คือ ฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวียร์ และแพกซ์โลวิด ซึ่งเป็นยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือคัดเลือกยาคุณภาพจากต่างประเทศ และนำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม ยืนยันว่ามีการจัดหาและกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ และเรมเดซิเวียร์ ไปยังทุกจังหวัดอย่างเพียงพอ
กระจายยาทั่วประเทศ เพียงพอใช้ 30 วัน และทะยอยจัดซื้อเพิ่ม
โดยตั้งแต่เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2565 กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนยา ให้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ เป็นยาฟาวิพิราเวียร์ 265.5 ล้านเม็ด ยาโมลนูพิsาเวียร์ 12 ล้านเม็ด และยาเรมเดซิเวียร์ 375,210 ขวด
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2565 มียาคงคลังในพื้นที่ คือ ยาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์ รวม 11.2 ล้านเม็ด และยังมีสำรองที่ส่วนกลางอีกจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันอัตราการใช้ยาเพียงพอต่อการใช้มากกว่า 14 วัน และมีการติดตามการใช้ยาด้วยระบบ VMI เมื่อมีการใช้ยาจะส่งไปทดแทนต่อเนื่อง เพื่อให้ในพื้นที่มียาคงคลังสำหรับการใช้ในระยะเวลามากกว่า 14 วัน
นอกจากนี้ ส่วนกลางยังมีการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์กว่า 2 ล้านเม็ด และอยู่ระหว่างจัดซื้อเพิ่มเติม คือ ฟาวิพิราเวียร์ 10 ล้านเม็ด โมลนูพิราเวียร์ 20 ล้านเม็ด และเรมเดซิเวียร์ 8 หมื่นขวด
ไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทุกคน แม้แต่กลุ่ม 608 แพทย์จะเป็นผู้พิจารณา
ยาแต่ละรายการมีข้อบ่งชี้ในการใช้แตกต่างกัน ซึ่งผู้ติดเชื้อโควิด 19 ไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทุกราย แม้จะเป็นกลุ่ม 608 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่จะพิจารณาจ่ายยาตามอาการ ข้อบ่งชี้และแนวทางการดูแลรักษาตามมาตรฐานของกรมการแพทย์
ใครบ้างได้ยาโมลนูพิราเวียร์ หลังยาเถื่อนเกลื่อนตลาด
โดยยาโมลนูพิsาเวียร์ จะใช้ในผู้ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
- อายุมากกว่า 60 ปี
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังระดับ 2 ขึ้นไป โรคไตเรื้อรังระยะ 3 ขึ้นไป โรคหัวใจและหลอดเลือดระดับ 2 รวมถึงโรคหัวใจแต่กำเนิด
- ภาวะอ้วนน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม หรือ BMI เกิน 30 กก./ตร.ม.
- มีภาวะตับแข็งระดับ 8 ขึ้นไป
- ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- ได้รับยาเคมีบำบัดหรือยากดภูมินาน 15 วันขึ้นไป
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีค่า CD4 น้อยกว่า 200 เซลล์/ลบ.ม.
- หรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ คือไม่ได้รับเข็มกระตุ้น
แม้จะมีโรคเรื้อรัง แต่การจ่ายยาอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะพิจารณาจากความเสี่ยงในกลุ่มที่มีอาการมาก หรือควบคุมอาการไม่ได้ รวมทั้งยาต้านไวรัสรักษาโควิด 19 เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนฉุกเฉิน ขณะนี้ อนุญาตให้ใช้ในโรงพยาบาลและคลินิกเวชกรรม ซึ่งต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น ประชาชนไม่ควรหาซื้อยามากินเอง จะเป็นอันตรายได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สธ. แท็กทีม ตร. จับ 3 ผู้ต้องหา ขาย ‘ยาโควิดเถื่อน’ มูลค่า 10 บ้าน แอบนำเข้าจากอินเดีย
- แพทย์เผย ภาวะ ‘MIS-C’ หลังติดโค วิดในเด็ก ป้องกันได้ด้วยวัคซีน
- จับเครือข่าย ‘ยาโมลนูพิราเวียร์’ เถื่อน จ่อแถลงวันนี้