กรมวิทย์ฯ เผยผลตรวจ 27 กลุ่มเสี่ยง ‘ฝีดาษลิง’ เป็นลบ ทดลองนำเชื้อมาทดสอบกับผู้ที่เคยปลูกฝี พบเชื้อขึ้นช้า
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การตรวจหาเชื้อโรคฝีดาษวานร ซึ่งมีการส่งสิ่งส่งตรวจมาให้กรมวิทย์ฯ ตรวจเพิ่มเติม 27 ตัวอย่าง ที่มีความเชื่อมโยงกับกรณีผู้ติดเชื้อชายไนจีเรีย ปรากฏผลตรวจออกมาเป็นลบ ส่วนการตรวจสิ่งแวดล้อม อาทิ ลูกบิดประตู ผ้าปู ต่าง ๆ นั้นพบว่าผลเป็นบวก แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่า ที่เจอบวกนั้นสามารถแพร่เชื่อต่อได้หรือไม่
ทดลองเพาะเชื้อ และนำไปทดสอบภูมิคุ้มกัน ผู้ที่เคยปลูกฝี พบเชื้อขึ้นช้า
อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อต้องมีความใกล้ชิดกันมาก ๆ ส่วนการสัมผัสต่าง ๆ นั้น โดยปกติผิวหนังคนเราจะมีมาตรการป้องกันเชื้อเข้าสู่ร่างกายอยู่แล้ว ยกเว้นว่าบริเวณผิวหนังมีบาดแผล หรือตามเยื่อบุต่าง ๆ เช่น ตาจมูก อาจจะมีความเสี่ยงได้
แต่มาตรการ 2P ที่ใช้ป้องกันโรคโควิด-19 นั้น สามารถป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ ทั้งการล้างมือด้วยสบู่ และสเปรย์แอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง
ขณะนี้มีการนำตัวอย่างเชื้อที่เก็บจากแผลของผู้ติดเชื้อรายแรกในไทย มาเพาะเชื้อเพิ่มปริมาณ ก่อนนำไปทดสอบกับภูมิคุ้มกันของคนไทย ที่เคยปลูกฝีดาษไปก่อนหน้านี้ ว่าสามารถป้องกัน หรือทำลายเชื้อฝีดาษวานรได้หรือไม่ เบื้องต้นเชื้อไม่ค่อยขึ้น ขึ้นช้า จึงต้องรอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง หากมีความคืบหน้ากรมวิทย์ฯ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
นพ.ศุภกิจ ยังกล่าวถึงกรณที่มีการให้เปิดเผยข้อมูลว่า บางสายพันธุ์ของโรคฝีดาษวานรสามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้ เรื่องนี้ต้องฟังหูไว้หู ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการแพร่เชื้อทางอากาศ แม้แต่โรคโควิด-19 ที่ก่อนหน้านี้ออกมาบอกว่า มีการแพร่ทางอากาศ แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งไวรัสโคโรนาเป็น RNA ซึ่งมีขนาดเล็กมากด้วยซ้ำ ในขณะที่เชื้อฝีดาษวานรเป็น DNA ไวรัส ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า โอกาสกลายพันธุ์จะไม่เร็ว
ปลดล็อก ห้องแล็บระดับ 2 ตรวจหาเชื้อได้
เรื่องการตรวจหาเชื้อนั้นมี พ.ร.บ.เชื้อโรคและพิษจากสัตว์ กำหนดให้ต้องมีการตรวจในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 (แล็บ) เท่านั้น ดังนั้น ขณะนี้กรมวิทยฯ จัดทำประกาศเสนอให้ รมว.สาธารณสุข ลงนาม เพื่อปลดล็อกให้โรคฝีดาษวานรสามารถดำเนินการตรวจได้ในห้องแล็บระดับ 2 ได้ แต่ก็ต้องมีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยหรือจะเรียกว่า ระดับ 2+ (สองบวก)
ทั้งนี้ เมื่อ รมว.สาธารณสุข ลงนามในประกาศแล้ว ก็จะทำให้แล็บทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระดับ 2 หากจะตรวจหาฝีดาษวานร ต้องมาทดสอบความสามารถในการดำเนินการจากรมวิทย์ฯ เพื่อให้การรับรองก่อน ส่วนที่มีการเปรียบเทียบฝีดาษวานรว่าเหมือนโรคอีสุกอีใสนั้น แม้เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคทางผิวหนังเหมือนกัน แต่ไวรัสคนละกลุ่มกัน มีความแตกต่างกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นายกฯ สั่ง พร้อมรับมือ ‘ฝีดาษลิง’ กำชับ ตม. เข้มเฝ้าระวัง เดินทางเข้าประเทศ
- แย่แล้ว! ‘ฝีดาษลิง’ ติดเชื้อ 2 สายพันธุ์ได้พร้อมกัน แถม ‘แพร่กระจายทางอากาศ’ ได้
- ศูนย์จีโนมฯ ตอบชัด ไวรัส ‘ฝีดาษ ลิง’ แพร่ระบาดทางอากาศ ได้หรือไม่ ??