Politics

‘จุรินทร์’ ซัดฝ่ายค้าน ‘โกหกกลางสภา’ ยันไล่สาง ‘ทุจริตถุงมือยาง’ ตามคดี ‘โกงจำนำข้าว-มัน’

“จุรินทร์” โต้กลับฝ่ายค้าน โกหกกลางสภา คดีถุงมือยาง ลั่นดำเนินการเอาผิดหมด ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ทั้งอาญา ทั้งแพ่ง ไม่เอาไว้ ย้ำตามเงิน 2,000 ล้านบาทคืนพร้อมดอกเบี้ย ส่วนคดี “จำนำข้าว-จำนำมัน” ที่รัฐบาลชุดฝ่ายค้านทำไว้ เสียหายเละเทะ 5 แสนล้าน กับ 3 หมื่นกว่าล้าน ก็กำลังตามคืนอยู่ ไม่มีหยุด ก่อนเชือดนิ่ม ๆ สงสัย “หูดับ” ที่ไม่เห็นความคืบหน้า 

วันนี้ (20 ก.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีปมทุจริตถุงมือยาง

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายจุรินทร์ ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการนี้ โดยหลังจากการอภิปรายครั้งที่แล้ว มี 3 เรื่องที่ได้เร่งรัดดำเนินการเรื่องถุงมือยาง คือ

1. คดีแพ่งกับอาญา สั่งการให้ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) ให้ความร่วมมือ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทุกเรื่อง และติดตามรายงานทุกระยะ ยกเว้นสำนวนการสอบสวนที่ไปก้าวล่วงไม่ได้

2. เร่งรัดการลงโทษทางวินัย

3. จัดการกับผู้กระทำความผิด เมื่อพบว่าเกี่ยวข้องให้นำเงิน 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยมาชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตามลำดับ

ในเรื่องวินัย เมื่อสรุปผลการสอบวินัยเสร็จแล้ว ปรากฏว่าชี้มูลความผิด 3 ราย และมีมติให้ไล่ออกทั้งหมด โดยผู้อำนวยการอคส. ได้ออกคำสั่งไล่ออกตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2564 โดยไล่ออกแล้ว 2 ราย มีปัญหา 1 รายยังไล่ออกไม่ได้ คืออดีตรักษาการผู้อำนวยการ เนื่องจากผู้อำนวยการอคส. ตั้งกรรมการสอบชี้โทษทางวินัยเสร็จแล้ว บังเอิญว่าอดีตรักษาการผู้อำนวยการ ถูกคำสั่งย้ายไปประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี

ดังนั้น จึงมีการตั้งคำถามว่าจะลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่สำนักนายกฯ ได้หรือไม่ จึงได้มีการถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า อำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัย เป็นของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้สามารถนำผลการสอบสวนของ อคส. ที่ทำมาแล้วไปดำเนินการทางวินัย ให้ถือเป็นการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ ซึ่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยทำตามพระราชกฤษฎีกา และระเบียบอคส. มาใช้บังคับต่อไป

หลังจากนั้น ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยตามขั้นตอนกระบวนการแล้ว มีผู้ตรวจราชการสำนักนายกเป็นประธาน ซึ่งต้องติดตามเรื่องทางวินัยต่อไป

“ในกรณีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงจำเป็นต้องถามคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่ขอให้ถามเอง เพื่อให้กระบวนการลงโทษถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ถูกโต้แย้งในภายหลัง และกลายเป็นโมฆะ”

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส่วนเรื่องการละเมิด ได้ตั้งกรรมการสอบว่า ใครต้องได้รับผิดชอบด้วยเงินเท่าไหร่ ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ปี 2539 โดยกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ได้มีการแต่งตั้งโดยผู้อำนวยการอคส. โดยมีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานแล้ว

ผลการสอบออกมาว่า ผู้ที่จะต้องชดใช้เงิน 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย มีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่กรรมการสอบระบุว่า เจตนาทำให้รัฐเสียหาย มีทั้งหมด 4 ราย ต้องชดใช้คนละ 400 ล้านบาท กับ 8 แสนบาท รวม 1,603 ล้านบาท 3 รายแรกคือเจ้าหน้าที่ที่ชี้มูลความผิดทางวินัย และอีกรายคือประธานบอร์ด

และ กลุ่มที่กรรมการชี้ว่าประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง มี 3 ราย ต้องชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท รวม 400.8 ล้านบาท ทั้งนี้ รวมทั้งสองกลุ่มเป็น 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย

ตามกระบวนการของตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่จะต้องระบุว่าใครชดใช้เท่าไหร่ ต้องไปยุติที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ชี้ขาดทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปที่กระทรวงการคลังแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 แต่ยังติดประเด็นข้อกฎหมายของประธานบอร์ด เพราะเกรงว่าถ้าไม่เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ก็จะถูกโต้แย้ง และทำให้กระบวนการไม่ชอบ สุดท้ายผู้ที่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายก็ลอยนวล

กรณีประธานบอร์ดมีประเด็นว่า เนื่องจากผลการสอบให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นไปตามคำสั่งผู้อำนวยการอคส. แต่ประธานบอร์ดเป็นผู้บังคับบัญชา อคส. ดังนั้น คำสั่งที่ตั้งให้สอบชี้ให้จ่าย 400 ล้านบาทนั้นจะชอบหรือไม่ อคส. จึงต้องถามไปทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบว่า หากพบความผิดทางละเมิดของประธานบอร์ด ให้รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบ โดยใช้กรรมการสอบชุดเดิมได้ เพื่อผลสอบจะได้ไม่เกิดความลักลั่น

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการอคส. เสนอให้ตนลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิด วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 โดยวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ตนได้ลงนามแต่งตั้งกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิดประธานบอร์ดเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้ความคืบหน้าคือกรรมการได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อประธานบอร์ดแล้ว

ส่วนการไต่สวนของป.ป.ช. ทราบจากข่าวว่า ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ช. เปิดเผยว่า การไต่สวนคดีทุจริตถุงมือยางเสร็จแล้ว กำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกรรมการป.ป.ช. ต่อไป

“ทั้ง 3 เรื่องคือความคืบหน้าทางแพ่งและอาญา วินัย และละเมิด ดังนั้น ที่กล่าวหาในญัตติว่าผมปล่อยปละละเลย ไม่ติดตามการแก้ไขปัญหาทุจริตเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม กลับมีความคืบหน้าในทุกกรณี โดยทั้งหมดคือเงินก้อนที่ 1”

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายจุรินทร์ ยังได้กล่าวชี้แจงถึงความคืบหน้าในคดีจำนำข้าว และมันสำปะหลัง โดยบอกว่า เงินก้อนที่ 2 คือ เรื่องทุจริตจำนำข้าว ที่ก่อความเสียหายให้ อคส. 504,861 ล้านบาท จนอคส. ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหาย 504,861 ล้านบาท ปัจจุบันรวมคดีทั้งแพ่ง และอาญาขึ้นศาลอยู่ทั้งหมด 1,180 คดี ค่าเสียหาย 500,000 กว่าล้านบาท ในระยะเวลากว่า 10 ปี คดียังอยู่ในศาล และมีความคืบหน้าไปตามลำดับ แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาตามกระบวนการยุติธรรม

ส่วนเงินก้อนที่ 3 เรื่องทุจริตจำนำมันสำปะหลัง ที่ทำอคส. ขาดทุนจำนวน 33,000 กว่าล้านบาท (ตัวเลขวันที่ 30 ก.ย. 64) อคส. ฟ้องไปแล้ว 164 ดคี เรียกค่าเสียหาย 20,065 ล้านบาท ศาลจำคุกแล้ว 26 คดี แต่เรื่องยังไม่จบต้องดำเนินการต่อไป

“ผมสั่งเร่งรัดดำเนินการทั้ง 3 ก้อน เพราะเป็นหน้าที่ ผมสนใจติดตามทั้ง 3 ก้อน เพราะเป็นเงินของรัฐ จากการเอาจริงเอาจังเรื่องการทุจริตและความไม่โปร่งใส ทำให้คะแนนคุณธรรมและความโปร่งใสของอคส. กระเตื้องขึ้นมาเยอะ ป.ป.ช. ให้คะแนนอคส. ปี 2563-2564 อยู่ที่ 83% และ 93.59% ตามลำดับ”

“ที่ท่านบอกว่าไม่เห็นความคืบหน้า ท่านหูดับแล้ว เพราะทั้งหมดคือความคืบหน้าของการดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายชัดเจนทุกเรื่องทั้งแพ่ง อาญา วินัยและการหาตัวผู้กระทำผิดมาชดใช้ค่าเสียหาย 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ย ส่วนถ้าจะส่ง ป.ป.ช. ไม่มีปัญหา ดีจะได้ช่วยกันตรวจสอบการทุจริต ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ผมพร้อมให้ความร่วมมือท่านไม่ต้องห่วง”

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo