Politics

วางมาตรการ รับมือโควิด ‘ด่านพรมแดน’ ช่องทางเข้า-ออกประเทศ หลังรัฐผ่อนคลายการเดินทาง

ถอดบทเรียนควบคุมโรค วางมาตรการ รับมือโควิด ด่านพรมแดน ช่องทางเข้า-ออกประเทศ หลังรัฐผ่อนคลายการเดินทาง และเปลี่ยนผ่านสู่โรคประจำถิ่น

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดี กรมควบคุมโรค เป็นประธานเปิด การประชุมถอดบทเรียน การดำเนินโครงการสนับสนุนด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรับมือกับความท้าทายในการข้ามพรมแดน ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ

รับมือโควิด

พร้อมด้วย Ms.Geraldine Ansart หัวหน้าสำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ประเทศไทย Mr.Damien Kilner ผู้อำนวยการส่วนอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง สถานทูตออสเตรเลีย Dr. Barbara Knust ศูนย์ความร่วมมือ ไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข สัตวเเพทย์หญิงเสาวพักตร์ ฮิ้นจ้อย ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชนเเละ NGOs เข้าร่วม

รับมือโควิด

เฝ้าระวังเเละคัดกรอง ผู้เดินทางระหว่างประเทศ ทุกช่องทาง

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า การเฝ้าระวังเเละคัดกรองกลุ่มผู้เดินทางระหว่างประเทศ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัฐเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะด่านควบคุมโรคช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ทั้งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบิน ท่าเรือ และพรมแดนตามแนวชายแดน อันเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ส่งผลให้สามารถตรวจจับเเละควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบัน ด่านพรมแดนมีการพัฒนาให้สามารถคัดกรองดูเเลผู้ติดเชื้อ เเละให้บริการวัคซีน เพื่อเพิ่มความครอบคลุมให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนมาตรการรับมือโควิด 19 แบบรอบด้าน ได้แก่

รับมือโควิด

มาตรการรับมือแบบรอบด้าน

  1. ด้านโครงสร้างพื้นฐานด่านพรมแดน โดยการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร
  2. ด้านการป้องกัน  ควบคุมโรค โดยการประเมินความเสี่ยงของสถานการณ์ การสื่อสารความเสี่ยง การเพิ่มความครอบคลุมของวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 เเละการติดต่อประสานงาน
  3. การถอดบทเรียน บูรณาการฐานข้อมูลร่วมกัน การซ้อมแผน สัมพันธภาพความร่วมมืออันดีของเจ้าหน้าที่ระหว่างหน่วยงาน และประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรับมือกับโควิด19

รับมือโควิด

นายแพทย์โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการเปิดประเทศให้เดินทางท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจะยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ เเละความเสี่ยงของในและต่างประเทศ พร้อมทั้งประเมินความพร้อมเเละพัฒนาศักยภาพ ของการป้องกันควบคุมโรคของประเทศให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ในอนาคต ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู้โรคประจำถิ่น เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเเละสังคมของประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo