กรมอนามัย ชี้ ผ่อนคลาย จัดงาน ‘สงกรานต์’ ได้ แต่งดประแป้ง ปาร์ตี้โฟม ดื่มแอลกอฮอล์ หลังจบงานให้สังเกตอาการตนเอง 7-10 วัน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดี กรมอนามัย กล่าวถึง ผลสำรวจ Anamai Event Poll ระหว่างวันที่13-24 มี.ค.65 ในประเด็นความกังวลและการป้องกันตนเอง ต่อสถานการณ์เทศกาลสงกsานต์
พบ 77% ยังกังวล เหตุผลที่กังวลมากสุดคือ อาจติดเชื้อจากการรวมกลุ่มในสถานที่ต่างๆ ตามด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศยังสูงอยู่ และอาจติดเชื้อจากการรวมกลุ่มสังสรรค์ในครอบครัว/บ้าน ส่วน 23% ไม่กังวล เพราะมั่นใจป้องกันตนเองได้ดี ไม่ได้ไปสถานที่เสี่ยง และอยากใช้ชีวิตตามปกติ
เมื่อถามถึงสถานที่ที่ประชาชนกังวลจะมีความเสี่ยงสูงที่สุดคือ ร้านอาหาร 61% ตามด้วยสถานที่ท่องเที่ยว 55% ห้างสรรพสินค้า 54% สถานที่จัดกิจกรรมอีเว้นต์งานสงกsานต์ 53% ขนส่งสาธารณะ 53% ห้องน้ำสาธารณะ 52%
ส่วนแผนกิจกรรมที่จะทำในช่วงสงกsานต์ ส่วนใหญ่ 50 % อยู่บ้าน 34% ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระที่วัด 31 % รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และ 22% สังสรรค์กินข้าวกับครอบครัว/เพื่อน
สงกรานต์เข้มมาตรการ โควิดฟรีเซ็ตติ้ง ป้องกันตนเองสูงสุด
นพ.สุวรรณชัย ยังกล่าวว่า หากพิจารณาสถานการณ์โควิดขณะนี้ คาดว่ายังคงมีการระบาดต่อเนื่อง และจะอยู่ในระดับสูงคงตัวช่วงเทศกาล เนื่องจากมีการเคลื่อนผู้คนจำนวนมาก มีกิจกรรมทั้งในครอบครัวและนอกบ้าน และมีกิจกรรมเสี่ยง จะพบผู้ติดเชื้อทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่มก้อนจากผลพวงสงกsานต์
แต่หากดำเนินมาตรการได้ดี ทั้งโควิดฟรีเซ็ตติ้ง และมาตรการป้องกันตนเองสูงสุด ไม่ย่อหย่อนในมาตรการ ก็เชื่อว่าจะผ่านไปได้ พร้อมย้ำมาตรการการเล่นน้ำสงกรานต์ ควรเล่นตามวัฒนธรรม รด ริน ประพรม ปลอดภัยดีกว่า สาดน้ำด้วยแรงดันสูง อันตรายเชื้อกระจาย
เพราะหากเล่นน้ำตามวัฒนธรรมเชื้อจะอยู่ที่บริเวณอกและลำตัว แต่หากสาดน้ำเชื้อกระจายไปจุดต่างๆ และทำให้หน้ากากอนามัยเปียกต้องเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัย
คลายมาตรการ จัดงานได้ เพราะฉีดวัคซีน พร้อมปรับวิถีชีวิตเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น
นายสมชาย ตู้แก้ว ผู้อำนวยการกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจัยที่เอื้อต่อการจัดงานสงกรานต์ในปีนี้ เนื่องจากประชาชนได้รับวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น เชื้อไวรัสลดระดับความรุนแรง มีการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมปรับวิถีชีวิตเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น
กิจกรรมรวมกลุ่มที่จัดได้ในครอบครัวคือ สรงน้ำพระ รดน้ำขอพร รับประทานอาหารร่วมกัน แต่ให้จัดในพื้นที่โล่ง ระบายอากาศที่ดี ผู้ร่วมกิจกรรมสวมหน้ากาก งดกิจกรรมสัมผัสใกล้ชิด งดใช้สิ่งของร่วม ใช้เวลาจัดกิกรรมให้น้อยสุด
ส่วนกิจกรรมที่สามารถจัดได้ภายในชุมชน ต้องแจ้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคตำบล (ศปก.ต.) หรือศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอ (ศปก.อ.) รับทราบเพื่อกำกับติดตามอย่างเหมาะสม กิจกรรมที่ทำได้เช่น สรงน้ำพระ โดยขอให้นำอุปกรณ์ส่วนตัวไปเองงดนำน้ำที่สรงแล้วไปใช้ต่อ ทำบุญตักบาตร รดน้ำดำหัว
งดปาร์ตี้โฟม ประแป้ง ดื่มแอลกอฮอล์ หลังเลิกงาน สังเกตอาการตัวเอง 7 – 10 วัน
สำหรับกิจกรรมรวมกลุ่มขนาดใหญ่ จะต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เช่น ประเพณีหรือการละเล่นท้องถิ่น ขบวนแห่ เล่นน้ำ การแสดงดนตรีและการแสดงทางวัฒนธรรม
ทั้งนี้กิจกรรมที่ห้ามทำคือ ปาร์ตี้โฟม ประแป้ง ดื่มหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การร่วมกิจกรรมต่างๆให้ยึดหลัก โควิดฟรีเซ็ตติ้งและมาตรการ DMHTA อย่างเคร่งครัด
หลังกลับจากเทศกาลให้สังเกตอาการตนเอง 7-10 วัน ปฏิบัติตามมาตรการ DMHTA หากพบมีอาการมีความเสี่ยงให้ตรวจ ATK ผลเป็นลบให้ตรวจซ้ำเมื่อครบ 7 วันหรือมีอาการ เลี่ยงพบปะผู้คนโดยไม่จำเป็น และทำงานที่บ้าน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นายกฯ สั่ง ผู้ว่าฯ และ สาธารณสุขทุกจังหวัด รับมือ สงกsานต์
- ลงนามแล้ว ซื้อ ‘ยาแพ็กซ์โลวิด’ ลดเสียชีวิต 5 หมื่นคอร์ส
- ผ่าแผน 5 ปี ป้องกัน ‘โรคอุบัติใหม่’ ผุด 4 ยุทธศาสตร์ 11 แผนงาน