Politics

นายกฯลั่นกลางครม. ‘ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ’ !

ครม.ถก เคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 กลับรักษาภูมิลำเนา ขณะที่นายกฯฉุนหนัก คำถามสื่อ ลั่นกลางประชุม ครม. “ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ” ด้านโฆษกรัฐบาล ยันพรรคร่วมยังทำงานด้วยกันดี แก้โควิดราบรื่น ไม่มีแทรกแซง

แหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่าวันนี้เป็นการประชุมครม. ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์  มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ หลังเริ่มมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบ ถึงสถานการณ์การครองเตียงผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เริ่มรับไม่ไหว เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น

โดยได้เสนอแนวคิดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย กลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนา พร้อมเสนอให้รัฐมนตรีแต่ละคนดูความพร้อม ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของตัวเอง โดยรัฐมนตรีหลายคนเห็นด้วยกับแนวคิดนี้  ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่าพร้อมดูแลการส่งผู้ป่วยไปรักษาที่ภูมิลำเนาในส่วนของ จังหวัดบุรีรัมย์ รวมถึงจังหวัดในอีสานใต้ ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แสดงความเห็นว่า ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีรถมูลนิธิร่วมกตัญญู สามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายส่งกลับภูมิลำเนาได้

ประยุทธ์1 1

ขณะที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวกับที่ประชุมว่า ปัจจุบันมีรถการแพทย์ฉุกเฉินของท้องถิ่นอยู่สามารถนำมาใช้ตรงนี้ได้ นายศักดิ์สยาม ได้แจ้งว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมรับผิดชอบเรื่องระบบขนส่ง การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ขัดข้องกับแนวคิดดังกล่าว เพราะงบประมาณมีเพียงพอ และได้ให้ นายอนุทิน เป็นผู้รับผิดชอบ โดยสั่งให้สาธารณสุขจังหวัดประสานงานกับรัฐมนตรีแต่ละคนต่อไป

โดยย้ำว่าต้องมีการหารือจนได้ข้อสรุปภายใน 1-2 วันนี้ ต้องดูขีดความสามารถของแต่ละพื้นที่ รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุด ต้องให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ต้องมีการสอบถาม หรือสื่อสารทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจตั้งโรงพยาบาลสนามในแต่ละพื้นที่ โดยอย่าไปสร้างกลางชุมชน

แหล่งข่าว กล่าวว่าในที่ประชุมยังพูดถึงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในปัจจุบัน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แสดงความเห็นตอนหนึ่งว่า ควรฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประชาชน 10 ล้านโดสต่อเดือน ทำให้นายอนุทิน ชี้แจงว่า ประสิทธิภาพในการฉีดนั้นสามารถฉีดได้ แต่เราได้รับวันซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่ถึง 10 ล้านโดสต่อเดือน ทำให้กระทรวงสาธารณสุข ต้องหาวัคซีนชนิดอื่นมาฉีดให้ประชาชนให้ได้ตามจำนวนดังกล่าว

อนุทิน
อนุทิน ชาญวีรกูล

จากนั้นนายจุติ เสนอว่าจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ที่ยังมีความสงสัยในวัคซีนซิโนแวคอยู่ แม้หมอจะบอกว่าเป็นวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพก็ตาม นายอนุทิน ชี้แจงอีกครั้งว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีแผนจัดส่งให้ประเทศไทยทุกเดือนจนครบตามจำนวน 61 ล้านโดส แต่ต้องหารือกันว่าแต่ละเดือนจะส่งได้เท่าไหร่อย่างไร  เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเปลี่ยนแปลงมีการกระจายเชื้อเร็วยิ่งขึ้นก็ต้องไปคุยกับเขาเชื่อว่าคงคุยกันได้ กระทรวงสาธารณสุขมองว่าวัคซีนทุกชนิด ที่มีประสิทธิภาพ เพราะองค์การอนามัยโลก ให้การรับรองเราจึงไม่ควรด้อยค่าวัคซีนกันเอง ขอให้ดูประเทศจีน ที่ใช้ซิโนแวคและชิโนฟาร์ม เป็นส่วนใหญ่ การด้อยค่าวัคซีนเป็นเจตนารมณ์ของผู้ไม่หวังดี

แหล่งข่าว กล่าวว่ามีช่วงหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความหงุดหงิด หลังเห็นคำถามของผู้สื่อข่าวที่ส่งเข้ามา พร้อมกับอ่านแต่ละคำถามที่มีการส่งมาให้ที่ประชุมได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ว่า แพะรับบาปเรื่องการจัดหาวัคซีน พรรคร่วมรัฐบาลลอยตัว การเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจ ไทยถอนตัวจากครม. นายกฯโดดเดี่ยว  ระหว่างอ่าน พล.อ.ประยุทธ์ ได้บ่นพึมพรำเรื่องคำถามผู้สื่อข่าวว่า “ดูแต่ละคำถาม ถามแบบนี้จะให้ตอบอย่างไร ผมไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทุกคนช่วยกันทำงาน ผมไม่คิดว่าเป็นเวลาของการเล่นการเมืองนะ ถ้าท่านจะออกจากผมก็แล้วแต่ ผมก็จะทำงานของผมต่อไป ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ”

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ถึงการแก้วิกฤตโควิด-19 ที่ดูเหมือนขณะนี้นายกรัฐมนตรี และศบค. กำลังถูกโดดเดี่ยวจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยเฉพาะกรณี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ออกมาปกป้องนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า ตกเป็นแพะรับบาปจากปัญหาเรื่องวัคซีน ว่า นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าทุกหน่วยงานโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ยังทำหน้าที่ด้วยกันด้วยความเข้มแข็ง เป็นการทำงานในโครงสร้างศบค. ที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีทุกหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง

IMG 42565 20210609141948000000 scaled e1623226625789
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ส่วนเรื่องของคณะกรรมการอื่นๆ ที่มีการแต่งตั้งไปก็เป็นคณะกรรมการชุดเล็กที่ทำงานภายใต้การกำกับดูแลของศบค.ชุดใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นทุกหน่วยงานรวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ยังให้ข้อเสนอแนะข้อแนะนำและรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นกับการบริหารจัดการทั้งหมด

“นายกฯ ยืนยันว่าไม่มีการแยกกันทำงานในลักษณะ ไม่บูรณาการและทุกอย่างยังทำงานร่วมกันด้วยดี และนายกรัฐมนตรีเอง ก็ไม่ได้ไปแทรกแซงอะไรทั้งสิ้น แต่รับฟังทุกข้อคิดเห็นทั้งในส่วนของคณะแพทย์และเศรษฐกิจที่ต้องเยียวยา จึงต้องทำควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง” นายอนุชา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight