COVID-19

‘ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม’ เทียบประสิทธิภาพ ‘วัคซีนจีน’ ที่ไทยพึ่งพา

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ “ซิโนฟาร์ม” (Sinopharm) จากจีน นับว่าเป็นวัคซีนทางเลือกชนิดล่าสุด ที่นำเข้ามาในประเทศไทย ทำให้ปัจจุบัน มีวัคซีนสัญชาติจีน ถึง 2 ชนิด ที่องค์กรของรัฐจัดสรรให้แก่ประชาชน

แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยกันว่าวัคซีนของซิโนฟาร์ม มีความแตกต่าง หรือมีประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่าวัคซีนของ “ซิโนแวค” (Sinovac) ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์มากน้อยเพียงใดกันแน่

เมื่อ ปลายเดือนพฤษภาคม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้ขึ้นทะเบียนวัคซีนซิโนฟาร์ม ในวันเดียวกันกับที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตั้งโต๊ะแถลง “แนวทางการจัดสรรและนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก ซิโนฟาร์ม” ซึ่งจะนำเข้ามาในไทย 1 ล้านโดส ในเดือน มิถุนายน

ซิโนฟาร์ม เป็นวัคซีนโควิด-19 รายการที่ 5 ที่ได้รับอนุมัติจาก อย. โดยมีบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด เป็นผู้ยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียน และจะเป็นผู้นำเข้า ถือเป็นวัคซีนสัญชาติจีนยี่ห้อที่ 2 ที่จะนำมาฉีดให้คนไทย นอกเหนือจากวัคซีนซิโนแวคที่กระจายอยู่ในปัจจุบัน

ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม

ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม  2 วัคซีนจากแดนมังกร

แม้ในประเทศจีนมีการพัฒนาวัคซีนโควิดถึงกว่า 16 ชนิด แต่วัคซีนของซิโนฟาร์มเป็นตัวหลักที่รัฐบาลจีนจัดสรรให้ประชากรส่วนใหญ่ภายในประเทศ โดยเครือรัฐวิสาหกิจแห่งชาติด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (CNBG) เป็นผู้ผลิต ในขณะที่ซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน มุ่งผลิตวัคซีนเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศเป็นหลัก แต่ก็มีการจัดสรรวัคซีนของซิโนแวคบางส่วนเพื่อฉีดให้ชาวจีนไปแล้วราว 1 ใน 3 ของผู้รับวัคซีนในประเทศทั้งหมด

รัฐวิสาหกิจของจีนได้มอบหมายให้สถาบันผลิตภัณฑ์ชีวภาพสองแห่งที่นครอู่ฮั่นและกรุงปักกิ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนซิโนฟาร์ม โดยชนิดที่นำเข้ามาใช้ในไทยนั้น มาจากสถาบันผลิตภัณฑ์ชีวภาพกรุงปักกิ่ง (BIBP) ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ให้การรับรองประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเพื่อใช้งานในกรณีฉุกเฉินแล้ว

ปัจจุบัน มีการอนุมัติให้ฉีดวัคซีนของซิโนฟาร์ม ที่ผลิตจากกรุงปักกิ่ง (BBIBP-CorV) ได้ใน 53 ประเทศทั่วโลก ทั้งในอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา จัดเป็นวัคซีนโควิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับ 4 ของโลก

ด้านวัคซีนของซิโนแวคซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โคโรนาแวค” (CoronaVac) นั้น ปัจจุบันมีการอนุมัติวัคซีนนี้ใน 29 ประเทศ และมีการสั่งจอง เพื่อนำไปใช้จาก 47 ประเทศ จัดเป็นวัคซีนโควิด ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับ 6 ของโลก แม้จะเพิ่งผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทผู้ผลิตเลื่อนการเปิดเผยผลทดลองในระยะสุดท้า ยแก่ผู้ตรวจสอบมาหลายครั้ง

การที่จีนส่งออก และบริจาควัคซีนทั้ง 2 ชนิดให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาเป็นจำนวนหลายร้อยล้านโดส ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการเพิ่มพูนอิทธิพลจีนในต่างประเทศ ผ่านการมอบความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขในยามวิกฤต ซึ่งจะเสริมสร้างให้จีนมี “อำนาจอ่อน” (soft power) เหนือประเทศเหล่านั้นเพิ่มขึ้น

ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม

เทคโนโลยีการผลิตและการเก็บรักษา

ทั้งซิโนแวคและซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมแบบเดียวกันกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โปลิโอ และไวรัสตับอักเสบชนิดเอ

เชื้อไวรัสโควิดที่อยู่ในเซลล์เพาะเลี้ยง (Vero cell) จะถูกทำให้หมดฤทธิ์หรือตาย จนไม่สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นมาได้อีก ก่อนจะฉีดเข้าไปในร่างกายมนุษย์โดยไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ซากไวรัสเหล่านี้จะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองและผลิตสารแอนติบอดีขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้กับการติดเชื้อในอนาคต

วัคซีนเชื้อตายนี้สามารถผลิตได้ง่ายและมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการคิดค้นและใช้งานกันมายาวนานในประวัติศาสตร์ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับต่ำกว่า เมื่อเทียบกับวัคซีนที่ผลิตจากเทคโนโลยีอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม วัคซีนของซิโนแวคและซิโนฟาร์มมีข้อดีเรื่องการขนส่งและการเก็บรักษา เพราะสามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติของตู้เย็นทั่วไปที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ต่างจากวัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ตู้แช่ชนิดพิเศษเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิเย็นจัด -60 ถึง -80 องศาเซลเซียส

ข้อควรระวังและผลข้างเคียง

วัคซีนของซิโนฟาร์มไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุในการฉีด โดยผู้ที่มีวัย 18 ปีขึ้นไปทุกคน สามารถรับวัคซีนชนิดนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า การทดสอบวัคซีนซิโนฟาร์มในระยะต่าง ๆ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมุ่งศึกษาผลที่จะเกิดขึ้นกับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป จึงยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงของซิโนฟาร์ม ต่อกลุ่มผู้สูงวัย และทางองค์การองค์การอนามัยโลกเองมี “ความเชื่อมั่นในระดับต่ำ” ต่อประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของวัคซีนซิโนฟาร์มในกรณีนี้

ส่วนวัคซีนของซิโนแวคนั้น เดิมกำหนดว่าควรฉีดให้ผู้มีอายุ 18-59 ปี แต่ต่อมาในเดือนพฤษภาคม รไทยอนุญาตให้ใช้กับกลุ่มคนชราอายุ 60 ขึ้นไปได้ โดยอ้างผลวิจัยชิ้นใหม่ของจีนว่า ซิโนแวค สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในหมู่ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี

ล่าสุด ทางการจีนยังอนุมัติให้ ขยายการใช้วัคซีนโควิดทั้งซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ในกลุ่มเด็ก และวัยรุ่นอายุ 3-17 ปี อีกด้วย

ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม

การฉีดวัคซีนทั้งสองชนิด จำเป็นต้องฉีดในปริมาณ 2 โดส โดยการฉีดของซิโนฟาร์ม ต้องเว้นระยะห่างระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สอง 3-4 สัปดาห์ ส่วนซิโนแวคเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์

สำหรับรายงานกรณีการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนนั้น ดูเหมือนว่าซิโนฟาร์ม จะมีสถิติในเรื่องนี้ น้อยกว่าซิโนแวคหลายเท่าตัว

ในส่วนของไทย กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนโควิดแล้ว 68 ราย และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกือบพันราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวค ที่มีอาการข้างเคียงคล้ายโรคหลอดเลือดสมองหลายราย

แต่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ชี้ชัดไปนะคะว่าผู้เสียชีวิตนั้นเป็นเพราะวัคซีนโดยตรง แต่ทางกระทรวงยังไม่ได้ตัดสินชี้ชัดลงไปว่า ผู้เสียชีวิตทุกรายมาจากการฉีดวัคซีนโดยตรง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ระบุด้วยว่า ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงระดับรุนแรงหรือเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนซิโนแวค ยังมีไม่มากเท่ากับที่พบในกลุ่มผู้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกา

ประสิทธิภาพในการทดลองต่างจากสถานการณ์จริง

หัวใจสำคัญของการเลือกฉีดวัคซีนโควิดนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการสร้างภูมิต้านทาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์ใหม่ ๆ เป็นหลัก

แต่ที่ผ่านมามีความสับสนในการรายงานตัวเลข บ่งชี้ประสิทธิภาพของวัคซีนจีน ทั้งซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ซึ่งมีความลักลั่นกันอย่างมาก ในระยะสุดท้ายของสนามทดลองในแต่ละประเทศ รวมทั้งเกิดข้อกังขา กับประสิทธิภาพของวัคซีนในโลกแห่งความเป็นจริง (effectiveness) โดยดูจะห่างไกลจากตัวเลขที่ได้ในการทดลอง (efficacy) ซึ่งนำไปให้องค์การอนามัยโลกอนุมัติรับรองวัคซีนเมื่อไม่นานมานี้

ในกรณีของซิโนแวค การทดลองวัคซีนในฮ่องกงพบว่า มีประสิทธิภาพทั่วไปที่ 62% แต่การทดลองกับบุคลากรสาธารณสุข ที่เสี่ยงติดเชื้อในบราซิล พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันการเกิดอาการของโรคอย่างอ่อนที่เพียง 51% แม้ว่าจะสามารถป้องกันการเสียชีวิต หรืออาการหนักที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 100% ก็ตาม

ส่วนการทดลองในตุรกี และชิลี ที่พบว่าซิโนแวคมีประสิทธิภาพสูง เป็นการทดลองในกลุ่มประชากรขนาดเล็ก

นอกจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของจีนเอง ออกมายอมรับว่า วัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพต่ำ และจำเป็นต้องปรับปรุงหรือให้ผู้รับวัคซีนฉีดเข็มที่ 3 เพิ่มแล้ว ในหลายประเทศที่ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคอย่างแพร่หลายครบ 2 เข็ม อย่าง ชิลี กลับพบการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา

ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม

ล่าสุด ที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย บุคลากรการแพทย์ที่รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว ยังเกิดการติดเชื้อขึ้นอีกกว่า 350 ราย โดยในจำนวนนี้ป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายสิบราย ทำให้เกิดกระแสตื่นตระหนกว่า ไม่อาจพึ่งพาการฉีดวัคซีนซิโนแวคเพื่อยับยั้งการระบาดได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะวัคซีนไร้ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์อย่างสายพันธุ์เดลตา ที่คาดว่าเป็นสาเหตุของการระบาดระลอกใหม่

ส่วนที่คอสตาริกา ทางการได้ปฏิเสธไม่ขอรับวัคซีนซิโนแวคที่กำลังจะส่งมาถึงในขณะนี้ เพราะพิจารณาผลการทดลองระดับคลินิกแล้วเห็นว่ายังไม่มีประสิทธิภาพพอจะป้องกันโรคโควิด-19 ได้

มีเพียงอุรุกวัยเท่านั้น ที่รายงานประสิทธิภาพของซิโนแวคในสถานการณ์จริงว่า สามารถป้องกันการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้กว่า 90%

แม้ตัวเลขบ่งชี้ประสิทธิภาพในการทดลองของซิโนฟาร์ม จะสูงกว่าซิโนแวค โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 79% และมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการรุนแรง หรือการเสียชีวิต 100% เช่นเดียวกัน แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เริ่มมีรายงานถึงข้อกังขาต่อประสิทธิภาพในสถานการณ์จริงของซิโนฟาร์มในหลายประเทศ ทั้งที่บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้สนับสนุนวัคซีนซิโนฟาร์มรายใหญ่ รวมทั้งที่ชิลี อุรุกวัย และหมู่เกาะเซเชลส์ ซึ่งมีการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับประชากรของตนในวงกว้าง

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า ประเทศเหล่านี้ต่างพบกับการระบาดระลอกใหม่ที่ร้ายแรงตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนเป็นต้นมา โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึงวันละ 2-3 พันคน จนทางการต้องสั่งล็อกดาวน์ และวางแผนนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า อย่าง ไฟเซอร์ มาฉีดเสริมภูมิคุ้มกันให้ประชาชนเป็นเข็มที่สามภายในเดือนนี้

ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม

โลกต้องพึ่งพาซิโนฟาร์ม แม้ด้อยกว่าวัคซีน mRNA

แม้จะดูเหมือนว่าศักยภาพในการเป็นวัคซีนทางเลือกหรือความหวังสำหรับวิกฤตสาธารณสุขไทยของซิโนฟาร์มและซิโนแวค แทบจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ความเห็นของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยมองว่า วัคซีนของซิโนฟาร์มจะยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับโรคระบาดไปอีกอย่างน้อยใน 1-2 ปีข้างหน้า

ดร.ไมเคิล เฮด นักวิจัยอาวุโสในประเด็นทางสุขภาพระดับโล กจากมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตันของสหราชอาณาจักร เขียนแสดงความเห็นในบทความ ซึ่งตีพิมพ์ในเว็บไซต์วิชาการ The Conversation โดยระบุว่าวัคซีนของซิโนฟาร์มนั้นมีประสิทธิภาพพอสมควร และยังสามารถใช้ป้องกันไวรัสสายพันธุ์เบตาที่มีกำเนิดจากแอฟริกาใต้ได้ผลอยู่

“เราไม่ควรมองว่าการระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของวัคซีนซิโนฟาร์ม แต่ควรพิจารณาว่ามันเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากข้อจำกัดของวัคซีนชนิดนี้ ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการแพร่เชื้อลงไปได้บ้าง” ดร. เฮด กล่าว

“ในขณะที่ความต้องการวัคซีนจากทั่วโลกมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น แต่กำลังการผลิตที่ป้อนให้ไม่เพียงพอ ทั้งยังมีการกักตุนจากประเทศร่ำรวยอีก การที่ประเทศยากจนจะรอคอยเวลา เพื่อให้ได้ใช้แต่วัคซีนประสิทธิภาพสูงราคาแพงอย่างไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA นั้น ถือว่าเป็นไปไม่ได้และยิ่งจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง”

“ในภาวะเช่นนี้ จีนมีกำลังการผลิตวัคซีนที่สามารถจะป้อนให้กับประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากได้ โลกจึงจำเป็นต้องพึ่งพาวัคซีนของซิโนฟาร์มต่อไป แม้ประสิทธิภาพจะด้อยกว่าวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็ตาม”

ที่มา : BBC Thai

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo